กองปราบรวบหนุ่มอ้างตัวเป็นเซียนพระปล่อยบูชาพระเครื่องผ่านทางเฟซบุ๊ก ผู้เสียหายนับ 100 ราย พบหมายฉ้อโกงติดตัวอื้อ
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป. จับกุม นายศิวะเสกข์ หรือโอ๊ต นนตะพันธ์ อายุ 33 ปี โดยจับกุมได้ที่ หมู่ที่ 2 ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายหลายพื้นที่ เข้าร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายศิวะเสกข์มีพฤติการณ์ทำตัวเป็นเซียนพระ ปล่อยบูชาพระเครื่องผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยเมื่อมีลูกค้าสนใจและสั่งซื้อพระเครื่อง ผู้ต้องหาจะให้ลูกค้าโอนเงินมาให้ก่อน แต่เมื่อลูกค้าโอนเงินไปแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ส่งพระเครื่องให้ตามที่ตกลง และปิดเฟซบุ๊กหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลาย 100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายศิวะเสกข์ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จึงได้เดินทางลงไปตรวจสอบ และจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเคยโดนหลอกมาก่อนจึงได้นำวิธีการดังกล่าวมาหลอกผู้อื่นต่อ เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเที่ยวและยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วนับไม่ถ้วน
จากการตรวจสอบยังพบว่านายศิวะเสกข์ยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการตัว รวม 6 หมาย ดังนี้
1.หมายจับศาลศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.118/2563 ลง 4 มิ.ย. 2563 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
2.หมายจับของศาลจังหวัดตราด ที่ จ.93/2562 ลง 30 ก.ค.2562 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกงทรัพย์ ”
3.หมายจับของศาลจังหวัดราชบุรี ที่ จ.98/2563 ลง 1 มิ.ย.2563 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง และ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
4.หมายจับของศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.96/2563 ลง 8 มิ.ย.2563 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง”
5.หมายจับของศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.53/2562 ลง 14 มี.ค.2562 ซึ่งต้องหาว่า “โดยทุจริต หรือ
โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกงประชาชน ”
และ 6.หมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 300/2563 ลง 16 เม.ย.2563 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกแจ้งแก่ประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลบิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”