ลุงพลแจง คลิปเสียง “ทำไมไม่มีใครเอาอาหารขึ้นมาให้น้องเลย” หลังน้องชมพู่เสียชีวิตแล้ว

ลุงพลแจง คลิปเสียง “ทำไมไม่มีใครเอาอาหารขึ้นมาให้น้องเลย” หลังน้องชมพู่เสียชีวิตแล้ว

การกรณีการที่น้องชมพู่ เสียชีวิตปริศนา บนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพัก 2 กิโลเมตร ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีการออกหมายจับคนร้าย ขณะที่คนในครอบครัวของน้องชมพู่ ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งเป็นคนในครอบครัวกันเอง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ก.ค. ที่บ้านนายไชยพล วิภา หรือลุงพล และป้าแต๋น ลุงและป้าของน้องชมพู่ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามถึงคลิปเสียง หลังจากที่นายไชยพล พบศพน้องชมพู่แล้วได้พูดว่า ทำไมไม่มีใครเอาอาหารขึ้นมาให้น้องเลย ว่า ในวันที่ตนได้พูดคลิปเสียงนั้นออกไป เพราะก่อนหน้านั้นตนได้ปรึกษากับพ่อแม่น้องชมพู่ ถึงบุคคลที่ตนสงสัยว่ามีใครบาง ตนก็ได้พูดแบบนั่นหลังจากวันที่ 12 พ.ค. หลังจากไปขอบคุณสำนักที่มาทำโรงทานก๋วยเตี๋ยว แม่น้องชมพู่น่าจะจำได้ จนผ่านมาถึงวันที่ 14 พ.ค. ที่ขึ้นไปเห็นน้อง ตนเป็นคนที่ไปอยู่ใกล้น้องชมพู่ที่สุด ในความรู้สึกตนเห็นสภาพตน ในความรู้สึกตนวินาทีแรก รู้สึกเหมือนกับน้องเพิ่งจะเสียชีวิตได้ไม่นาน เพราะตัวน้องยังไม่มีกลิ่นอะไรเลย ถ้าน้องเสียตั้งแต่วันที่ 11 12 หรือ 13 พ.ค. ตัวน้องน่าจะมีการเน่าเสียแล้ว เพราะอากาศตอนนั้นร้อนมาก ตอนที่ตนเห็นสภาพน้องชมพู่นอนอยู่ข้างหน้า ตนรู้สึกว่าต้องไปอยู่ที่ไหน น้องไปอยู่กับใคร ตนเลยพูดไปในลักษณะนั้น ว่าเป็นไปได้มั้ย คนที่อยู่กับน้อง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร มันจะมีคนที่มาอยู่กับน้องมั้ย ทำไมน้องถึงอยู่ถึงวันที่ 14 พ.ค.ได้ ตนจึงพูดไปในลักษณะที่ว่า คาดว่าน่าจะไม่มีอะไรให้น้องกินแล้ว น้องถึงได้เสีย

“ จากนั้นก็มีการถาม อีกว่าสงสัยใครอีกมั้ย ผมก็ได้ปรึกษาพ่อกับแม่ตลอด ถ้าใครจะพาน้องชมพู่ขึ้นเขาไปได้ ก็น่าจะเป็นคนในหมู่บ้านนี้แหละ  ถึงได้พูดแบบนั้น ส่วนประเด็นที่ว่าสภาพศพน้องชมพู่มีรอยรูหรือไม่นั้น  ผมไม่เห็น  เห็นแต่ในส่วนขา หน้าแข้ง และฝ่าเท้าของน้อง แต่ที่ เห็นชัดๆก็จะเป็นแผ่นหลัง เพราะหลังน้องพิงกับก้อนหิน ซึ่งภาพเหล่านั้นยังอยู่ในความทรงจำ ซึ่งตนยังมั่นใจในความสามารถของตำรวจไทย “ นายไชยพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่ คนแรก เปิดเผยผลชันสูตรศพน้องอย่างละเอียด กับ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯของรัฐสภา บอกว่า ได้ทำการชันสูตรศพเมื่อเวลาบ่าย 2 โมงครึ่งของวันที่ 15 พ.ค. ยืนยันสภาพศพภายนอก มีเพียงร่องรอยขีดข่วน ที่อาจเกิดจากกิ่งไม้ ซึ่งรอยขูดขีดจะกระจายเป็นกลุ่มๆ แต่พบมากที่สุดบริเวณแผ่นหลัง รองลงมา คือ เหนือข้อเท้าด้านซ้าย ซึ่งเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิต

Advertisement

ส่วนอวัยวะภายใน มีหลายส่วนเริ่มเน่าจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ แต่ก็ยืนยันว่า สมอง และ ปอด ไม่พบความผิดปกติ ที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย มีเพียงการเน่า กระโหลกศรีษะ ไม่พบการแตกร้าว คอไม่หัก ไม่มีรอยฟกช้ำ ขณะที่กระเพาะอาหาร ไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตร เท่านั้น ที่สำคัญอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด เยื้อพรหมจารียังอยู่ครบสมบูรณ์ เบื้องต้นก็ได้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว

ซึ่งนายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ มองว่า หากไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย ก็ยังมีความเป็นไปได้กรณีเด็กพลัดหลงป่า จนขาดอาหาร ขาดน้ำ เสียชีวิต โดยมองว่าแม้จุดพบศพน้องชมพู่ จะต้องขึ้นเขาไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่น้องมีระยะเวลา 3 วัน ก่อนจะเสียชีวิต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image