เดินหน้าชน : ลงโทษ หรือ ประจาน โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

เดินหน้าชน : ลงโทษ หรือ ประจาน โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

กล้อนผมเด็ก เป็น “การลงโทษ” หรือ “ประจาน”

คนในสังคมส่วนหนึ่งตั้งคำถามไว้ ไม่ว่าจะเป็นปีไหน หรือเมื่อปีที่แล้ว ส่งต่อมาจนถึงปีนี้

กลุ่ม -“นักเรียนเลว” ที่ใช้ชื่อในการทำกิจกรรมได้ไปยื่นหนังสือขอความชัดเจนในการบังคับใช้กฎการไว้ทรงผมของนักเรียน บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยกล่าวว่า เส้นผมที่ถูกตัดเปรียบเสมือนตัวแทนของนักเรียนชายและหญิงทั่วประเทศที่ถูกครูปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม นับแต่ช่วงก่อนเปิดภาคเรียนจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีคำร้องจากนักเรียนว่าถูกครูจับตัดผมหรือกล้อนผมมากกว่า 312 โรงเรียนทั่วประเทศ ขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการที่อนุญาตให้นักเรียนชาย-หญิงไว้ผมยาวตามความเหมาะสมได้ และยังลิดรอนสิทธิของนักเรียนไทย ไม่สามารถมีอิสระบนร่างกายตัวเอง

Advertisement

ปีที่แล้ว มีภาพของเด็กนักเรียนชายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เจอครูตัดกล้อนผมแบบให้เสียทรง จนเผยให้เห็นรอยแผลเป็นของเด็กคนนั้น

ครูมักจะอ้างเรื่องระเบียบหรือกฎเหล็กของกระทรวงศึกษาธิการ แต่คงลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันผิดกฎหมายอาญา

ทางแก้ปัญหาของครูที่ยอมลงเอยกับเรื่องที่เกิดขึ้น มักขอโทษในที่ลับหรือรู้กันไม่มาก แล้วมีการนำความมาขยายให้ฟังว่า ครูได้ขอโทษแล้ว แต่กับเด็กนั้นถูกทำร้ายจิตใจไปแล้ว

Advertisement

เช่นเดียวกับปีนี้เป็นนักเรียนหญิงที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเทอมมาไม่ทันไร ก็มีผลงานครูฝ่ายปกครองใช้กรรไกรตัดปลายผมของเด็กสูงเลยติ่งหู ตัดให้แหว่งไปข้างหนึ่ง เด็กคนนี้ก็ไม่ต่างกับเด็กนักเรียนถูกกล้อนที่ต้องทนนั่งเรียนให้จบทุกคาบ แล้วเดินทางกลับบ้าน โดยไม่มีอะไรให้ปิดบัง

รายของนักเรียนหญิงที่ศรีสะเกษ ผู้ปกครองตัดสินใจให้เด็กลาออกกลางคัน ไม่สนฟังเสียทัดทานจากบรรดาคณะผู้บริหารครูที่ต้องตัดสินใจไปเยี่ยมถึงบ้าน เพราะรู้ว่าความผิดที่ครูทำใหญ่หลวงมาก แม้จะบอกว่ามีการตักเตือนครูฝ่ายปกครองไปแล้ว ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

เมื่อผู้ปกครองของเด็กยอมที่จะตัดสินใจเช่นนี้ หมายความว่าการแก้ปัญหาไม่สามารถเยียวยาความรู้สึกได้ ทั้งที่มีบทเรียนมากมาย แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ซ้ำซากไม่จบสิ้น แล้วที่ไหนจะมาเชื่อว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนรายอื่นอีก

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่คณะของครูไม่สามารถทำให้ฝ่ายที่เสียหายยอมที่จะให้ลูกเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม

ขณะที่ประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เซ็นลงนามหนังสือคำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการด่วนที่สุดแจ้งไปยังหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดทั้งหมด เกี่ยวกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องทรงผมนักเรียน พ.ศ.2563 ให้รับทราบและถือปฏิบัติ ต้องยึดหลักประกาศกระทรวงข้อ 7 ต้องดูความเหมาะสม

จะมีผู้ปกครอง นักเรียนและชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องทรงผมเด็กกับทาง ผอ.และคณะครู ที่ถูกระเบียบควรมีแค่ไหน แต่ละโรงเรียนก็จะไม่เหมือนกัน หรือถ้าลงความเห็นแล้วจะขอให้ยึดแบบทรงผมนักเรียนเดิมก็ได้ หรือทรงที่มีความคิดเห็นร่วมกัน โดยไม่ขัดกับ 7 ข้อของกระทรวงศึกษาธิการ

เรื่องกล้อนผมเด็กยังถูกหยิบยกขึ้นมาในฝ่ายการเมือง

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทรงผม แต่เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของเด็กที่ถูกกดขี่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีมานานแล้วไม่ว่าจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ปกครองและเด็ก พรรคก้าวไกลได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อ กมธ.การศึกษาฯ ได้บรรจุเป็นวาระแล้ว จะเชิญปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเลขาฯ สพฐ. เข้ามาทำงานและชี้แจงร่วมกัน เพื่อป้องปราม สกัดการลุกลามไม่ให้มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพเด็กมากกว่านี้ และหาข้อยุติว่าครูที่กระทำงานลักษณะนี้จะมีโทษอย่างไร รวมถึงเอาผิดตามมาตรา 157 และลงโทษขั้นร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกจากราชการให้ได้ นอกจากนี้เราจะสนับสนุนให้ผู้ปกครองแจ้งความดำเนินคดีครูที่กระทำการดังกล่าว

ในส่วนของ “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวไว้ว่า “เรารู้ดีว่าการทำร้ายเด็กหรือละเมิดเด็กหนึ่งคนวันนี้พวกเราก็อาจจะเป็นเหยื่อจากเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในวันหน้า”

ขอจบท้ายประโยคคมๆ ไว้อย่างนี้

เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image