ทอ.ตั้งเครื่อง ATM จ่ายข้าวสารอัตโนมัติให้ปชช.ช่วงโควิด-19

ทอ.ตั้งเครื่อง ATM จ่ายข้าวสารอัตโนมัติให้ปชช.ช่วงโควิด-19 สแกนใบหน้า ไร้การสัมผัส ด้าน “บิ๊กนัต” ยันเป็นการรวมปัญญาจากทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่บริเวณชั้น 2อาคารคุ้มเกล้า โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เยี่ยมชมเครื่อง ATM จ่ายข้าวสารอัตโนมัติ “น้อง skyrice” ซึ่งเป็นเครื่องแจกจ่ายข้าวสารให้ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 โดยมีพล.อ.ท.ต่อพล ออเขาย้อย เจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ ศึกษารูปแบบ และวิธีการแจกจ่ายข้าวสารของประเทศเพื่อนบ้าน คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามจากนั้นร่วมมือกับนายศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม จากสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนายสุรพงษ์ เสถียรอินทร์ จากบริษัท เอส เค เครื่องชั่ง จำกัด ร่วมกันสร้างเครื่อง ATM จ่ายข้าวสารอัตโนมัติให้กับประชาชน โดยใช้ชื่อว่า “น้อง skyrice”

โดยหลักการทำงานของเครื่อง ATM จ่ายข้าวสารอัตโนมัตินั้น เริ่มจากบุคคลที่มีความต้องการข้าวสาร มายืนหน้าตู้ นำภาชนะหรือถุงบรรจุวางรองรับข้าวสารเป็นลำดับแรก จากนั้นยื่นฝ่ามือไปยังบริเวณรูปฝ่ามือที่หน้าตู้ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวจะทำให้กล้องอัจฉริยะที่มีโปรแกรมตรวจจับใบหน้าทำงาน หากใบหน้าบุคคลนั้นๆ ไม่ซ้ำภายในเวลาที่กำหนด บุคคลสามารถใช้เท้าเหยียบแป้นที่ด้านล่าง เป็นการส่งสัญญาณสุดท้าย เครื่องกลภายในจะทำการตวง และจ่ายข้าวสาร 1 กิโลกรัม ออกมายังภาชนะที่รองรับอยู่ก่อนหน้านี้ สำหรับตัวเครื่อง ATM ข้าวสารทหารอากาศ มีรูปร่างสวยงาม ลักษณะทั่วไปคล้ายคลึงกับตู้ ATM กดเงินสดของธนาคาร หรือตู้หยอดเหรียญเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ แต่กรมสรรพาวุธทหารอากาศได้ใช้หลักการ งดเว้นการสัมผัส เพื่อสุขอนามัยที่ดี ภายในตัวเครื่องประกอบด้วยกล้องอัจฉริยะ จาก สวทช. ที่ให้การสนับสนุนการเขียนโปรแกรมและชุดคำสั่งตรวจจับและสแกนใบหน้าอัตโนมัติ บริษัท เอส เค เครื่องชั่ง จำกัด ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารอากาศ ทำการสร้างเครื่องกล ประกอบและติดตั้งเซ็นเซอร์ วงจรควบคุมต่างๆ รวมทั้งเครื่องตวงและจ่ายข้าวสาร โดยสามารถบรรจุข้าวสารได้เต็มที่ ถึง 100 กิโลกรัม

Advertisement

ทั้งนี้พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า เครื่องดังกล่าวมาจากความคิดที่ต้องการช่วยเหลือประชาขนในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จึงได้จัดทำตู้ดังกล่าวขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนรับข้าวสารไปรับประทาน ถือเป็นการรวมปัญญาจากหลายหน่วยงาน ในส่วนของข้าวสารนั้นจะได้รับมาจากภาคเอกชน ส่วนการแจกจ่ายทางกองทัพอากาศและรพ.ภูมิพลฯ จะทำหน้าที่ดูแลต่อไป ในขณะนี้กองทัพอากาศอยู่ในระหว่างพิจารณาว่าในสภาพปัจจุบันสังคมต้องการอะไรเพิ่มเติม เพื่อใช้ศักยภาพกองทัพอากาศ โดยเฉพาะเทคโนโลยีมาดัดแปลง เพื่อไปช่วยเหลือประชาชนได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image