“พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์”ไม่ไกล่เกลี่ย คดีฟ้องกลับ”บิ๊กโจ๊ก”ฟ้องเท็จ กล่าวหาพาจำเลยหนีไปลาว

“พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์” ผกก.ตำรวจท่องเที่ยว ยื่นขอศาลไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ย คดีฟ้องกลับ “โจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ฟ้องเท็จ-เบิกความเท็จ กล่าวหาพาจำเลยหนีไปลาว

 

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่16 กรกฎาคม พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ผกก.1 บก.ทท.2 ได้เดินทางมาศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องขอยกเลิกการไกล่เกลี่ย คดีหมายเลขดำ อ.2699/2562 ที่ตนเองเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในความผิดฐานฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ ซึ่งศาลประทับรับฟ้องคดีและตรวจพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ก่อนขั้นตอนสืบพยานโจทก์-จำเลย

 

Advertisement

อ่าน:ศาลให้ไกล่เกลี่ย ผกก.ท่องเที่ยวยื่นฟ้อง’บิ๊กโจ๊ก’ฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ ปมคดีพาผู้ต้องหาหนีไปลาว(คลิป)

โดยในวันนี้มีมวลชนจำนวนหนึ่งมามอบดอกไม้ให้กำลังใจด้วย ก่อนพ.ต.อ.กฤษณะพงศ์จะไปยื่นคำร้องกับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานรับคำร้องของศาลอาญา

จากนั้น พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ ปรากฏว่าศาลกำหนดให้ไกล่เกลี่ยกัน วันที่ 4 ส.ค.นี้ แต่ตนเองไม่ได้ประสงค์ที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จำเลยใดๆทั้งสิ้น เพราะว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2555 ตนเองซึ่งมีครอบครัวอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ โดนโยกย้ายไปอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความไม่สมัครใจ นานเกือบ 5 ปี ได้รับความเดือดร้อนและทุกข์แสนสาหัส จากการโดนฟ้องร้องเป็นคดีอาญาหลายคดี ทั้งที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ฟ้องเองและให้ลูกน้องเป็นคนฟ้อง รวมทั้งการแจ้งความดำเนินคดีและถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นอกจากนี้ตนยังต้องห่างจากครอบครัว ลูก และภรรยา

Advertisement

ส่วนประเด็นของความขัดแย้งระหว่างตนเองกับพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นั้นเริ่มจากประชาชนร้องเรียนเรื่องส่วยคาราโอเกะในพื้นที่ จ.นครพนม ยุคที่ พล.ต.ท.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นผบ.ตร.และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2554 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จึงได้ฟ้องพล.ต.อ.วิเชียร กับลูกน้อง 11 คน รวมทั้งตนเองด้วย แต่สุดท้ายก็ต่อสู้คดีจนยุติเสร็จสิ้นทุกคดี แต่ก็ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนอย่างมากจากการถูกโยกย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีคดีความที่ทั้งสองฝ่ายฟ้องร้องกันอีก จำนวนกี่คดี พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กล่าวว่า มีคดีนี้ที่ตนเองยื่นฟ้องพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นจำเลย จำนวน 1 คดี เพราะว่าเป็นการฟ้องกลับคดีที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฟ้องตนเป็นจำเลย เมื่อปี 2554 แล้วศาลพิจารณายกฟ้อง จากนั้นจึงได้ตรวจพยานหลักฐานต่างๆในสำนวนคดีพบว่า มีข้อความเท็จและเบิกความเท็จ จึงนำรายละเอียดดังกล่าวมายื่นฟ้องกลับต่อศาลอาญา ขั้นตอนอยู่ระหว่างกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย ตนยืนยันจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุดเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม เพื่อความถูกต้องของสังคม และอยากให้ศาลพิพากษาลงโทษตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.2699/2562 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ขณะฟ้องพ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ โจทก์เป็นตำรวจ ตำแหน่งผู้กำกับ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.จชต.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2554 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จำเลยกระทำผิดอาญา โดยเจตนานำคดีอาญามาฟ้องโจทก์อันเป็นเท็จต่อศาลอาญา ในข้อหาหรือฐานความผิดร่วมกัน สมคบกัน สั่งการ ก่อใช้ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีกล่าวหาโจทก์ว่าพา นายเขตสยาม เนาวรังสี เจ้าของร้านคาราโอเกะ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม หลบหนีคดีไปยังประเทศลาว โดยมีการพูดจาทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ซึ่งจำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องต่อศาลอาญา ตามคำให้การพยานของจำเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image