ปชป.เดือด “อันวาร์” ถล่มกลางที่ประชุม พรรคตกต่ำลง ไร้วี่แววพลิกฟื้น ชี้เปลี่ยนโลโก้ไม่ช่วย ต้องแก้ที่คน ประกาศลั่น ไม่คิดรับตำแหน่งในครม.

ในการประชุมสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) วันที่ 19 กรกฎาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ได้แสดงความเห็นเรื่องแผนยุทธศาสตร์ของพรรคในปีหน้าว่า ยังไม่มีส่วนใดที่ไม่เห็นด้วยหรือขัดแย้ง แต่อยากเติมเต็มในส่วนที่ได้กำหนดในแผนยุทธศาสตร์โดยกรรมการบริหารพรรค ที่ต้องขออนุญาตในที่ประชุมใหญ่ด้วยการเอาความเห็นของส.ส.ที่ไปสัมมนาที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง มาบรรจุลงในแผนยุทธศาสตร์ของพรรคด้วย เพราะการประชุมครั้งนั้น มีการสะท้อนความคิดเห็นต่างๆโดยเฉพาะพื้นที่ที่มาจากประชาชนอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่จะตรงกับที่หัวหน้าพรรคพูดในครั้งนี้ คือการประเมินการทำงานของรัฐมนตรี การทำหน้าที่ส.ส.ทั้งเขตเเละบัญชีรายชื่อ ซึ่งถูกต้องอย่างยิ่งและควรทำให้เป็นรูปธรรมและอย่างน้อยที่สุดก็ต่อประชาชนที่เลือกเข้ามาในวันนี้ โดยผลของการประเมินควรจะเปิดเผยให้กับสมาชิกและประชาชนได้รับทราบเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงด้วย “เรามีความรู้สึกศรัทธารักพรรค ใครก็ตามที่แสดงความเห็นไม่ควรคิดว่าใครคนนั้นเอาใจออกห่าง แต่ทุกความคิดล้วนแต่ต้องการทำให้พรรคได้เติมเต็มในความคิดที่แตกต่างเพื่อนำไปสู่การเติบโตในอนาคตของพรรค”

นายสาทิตย์ ยังเสนอให้ทำการประเมินความคิดเห็นของประชาชนต่อพรรคเพื่อประเมินจุดอ่อนจุดแข็งของพรรคต่อไป เพราะการเมืองข้างนอกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในพรรคจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดต่างๆรวมถึงการกระทำเพื่อสามารถดำเนินการต่อไปได้ในท่ามกลางกระแสการเมืองที่เชี่ยวกราก และกลับเป็นพรรคที่จะนำสังคมนี้ต่อไปในอนาคต

ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป. กล่าวว่า ได้เดินหน้าดำเนินการในส่วนของการทำโพลไปแล้ว รอสรุปผลเป้าหมายชัดเจนเท่านั้น โดยมีการประสานงานและดำเนินการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และรองเลขาธิการพรรรค ได้แสดงความคิดเห็นว่า พรรคเปลี่ยนโลโก้พรรค โดยตัดพุทธวัจนะออก ทำร้ายจิตใจของสมาชิกพรรคและมีสมาชิกรายคนรวมชื่อทำจดหมายเปิดผนึกถึงหัวหน้าพรรคให้แก้โลโก้กลับเป็นแบบเดิม และพรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีวี่แววพลิกฟื้นในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นเพราะว่าพรรคเดินผิดทาง เปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤต ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง สูญเสียที่นั่ง ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ กทม.ที่แพ้เลือกตั้งจนเหลือศูนย์ ตนวิเคราะห์เหตุแห่งความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ว่ามาจากประชาชนผิดหวังกับการกระทำของพรรค และพรรคไม่สามารถลบล้างข้อครหาที่เป็นตราบาปของพรรคได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีแต่พูด-เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้เพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างสมาชิก

Advertisement

นายอันวาร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ดีแต่พูด ซึ่งหากดูเหตุการณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค กล่าวก่อนการเลือกตั้งว่าจะไม่สนับสนุนพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่กลับมีมติพรรคให้โหวตรับพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนเสียศรัทธา ดังนั้นจึงต้องสร้างความศรัทธากลับคืนมาให้ประชาชน อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เองเคยบอกว่านักการเมืองเลวจะปฏิรูปการเมืองก็ไม่ได้ทำให้ออกรัฐธรรมนูญมาเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและเอาเปรียบทุกพรรค ภาพพจน์ของรัฐบาลก็เห็นชัดกันอยู่ว่าดีหรือไม่ดี ทั้งกรณีของนายฌอน บูรณะหิรัญ และม็อบเยาวชน หรือแม้กระทั่งกรณีของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็เป็นประเด็นที่ต้องมาคุยกันในพรรคว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร และแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่ละเลย พรรคพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราได้ทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยแล้วหรือไม่ หรือว่าพรรคทำตามสั่ง เดิมพรรคก็ตกต่ำอยู่แล้ว แต่พอร่วมรัฐบาลภาพลักษณ์จะเป็นอย่างไรต่อ

“ผมประกาศว่าไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้นใน ครม. ไม่ต้องกังวลว่าจะแย่งของใคร เพราะมีข่าวลือว่าที่ผมอยากเสนอเปิดประชุมพรรคเพราะต้องการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องปัญญาอ่อน ผมไม่ใช่คนชั่ว และไม่ได้เป็นคนเก่งเหมือนกับคนที่เอามาพูด พวกนั้นเป็นคนที่เก่งแต่การนินทาลับหลัง แต่ผมต้องการไม่ให้พรรคเลือดไหล คนเก่งออกไปมากกว่านี้ ทุกวันนี้หลายคนรู้ว่าพรรคตกต่ำ แต่ไม่เคยเสนอทางแก้ ใครออกมาเสนอก็โดนใส่ร้าย อย่างการตั้งคณะกรรมาธิการในการสร้างรัฐสภาล่าช้า โดยให้นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.เป็นประธานกรรมาธิการ แต่วันรุ่งขึ้นกลับเปลี่ยนตัว ทำให้ต้องตั้งข้อสงสัยว่าพรรครับคำสั่งใคร เคยมีคนมีข่าวลือว่ามีเงินตกหล่นใต้สภาฯ 500 ล้านบาทจริงหรือไม่” นายอันวาร์กล่าว

นายอันวาร์ ยังกล่าวต่อโดยยกตัวอย่างผลการเลือกตั้งทั่วประเทศว่า จะเห็นว่ามีสัดส่วน ส.ส. ลดไปมาก โดยเฉพาะภาคใต้ 50 เขต ได้เพียง 22 ที่นั่งซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่น กรุงเทพฯก็สูญพันธุ์ นอกจากนี้ ยังย้ำว่ารัฐมนตรีของพรรคทำงานเต็มที่แต่ไม่มีกระแส มีประเด็นหน้ากากอนามัย และสินค้าขาดตลาดช่วงโควิด ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน กระทรวงพัฒนาสังคมฯในขณะที่พรรคล้มเหลว ตกต่ำในช่วงการเลือกตั้ง แต่นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพรรค กลับได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ภาคเหนือได้เพียงที่นั่งเดียว ควรเป็นคนนั้นหรือไม่ที่ได้ตำแหน่ง กระทรวงสาธารณสุข โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีหลายคนบอกว่าทำงานเหมือนข้าราชการประจำ แม้จะจัดการเรื่องโควิดได้ดี แต่ต้องป้องกันไม่ให้คนป่วยและต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น กระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยไม่มีพื้นที่ เพราะรัฐมนตรีแอคชั่นแรง ทั้งที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ทำงานแต่ไม่มีกระแส ส่วนกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรค ทำโพลก่อนการเลือกตั้งมาว่าตนไม่ผ่าน และลงสมัครเขตเลือกตั้งไม่ได้ และกรณีนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับอีกหลายคน ซึ่งเป็นการทำโพลเพื่อคัดเลือกคนมาลงสมัครรับเลือกตั้งผิด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคแพ้การเลือกตั้ง ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้งเราต้องดูว่าเขามีอะไร สิ่งสำคัญคือพรรคเพื่อไทยมีแรงศรัทธาที่ประชาชนกลับมาเลือก

Advertisement

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. ได้แย้งว่า นายอันวาร์ เป็น ส.ส. และรองเลขาธิการพรรค เวลาพูดอะไรต้องใช้ดุลยพินิจ ไม่ควรพาดพิงพรรคอื่นหรือคนอื่น ต้องไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควร แต่นายอันวาร์ ยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นไปตามข่าว จากนั้นนายอันวาร์ จึงเปลี่ยนภาพสไลด์จากเพื่อไทยและก้าวไกล ที่แม้จะเป็นพรรคใหม่แต่คนเลือก เป็นคำว่า “พรรคประชาธิปัตย์ควรแก้ที่คน ไม่ใช่แก้ที่โลโก้” พร้อมกล่าวต่อว่า ต้องทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นที่หวังและพึ่งได้ พรรคต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ที่บรรพบุรุษให้ไว้อย่างเคร่งครัด ยึดมั่นสัญญากับประชาชนและยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

นายอันวาร์ กล่าวต่ออีกว่า ถ้าพรรคจะเติบโตได้ต้องมีเนื้อหา และการสื่อสารที่เข้าถึง ตอนนี้ประชาชนกำลังตระหนกว่าตนเองมีอำนาจเพียงใด แต่ขณะเดียวกัน ถ้าวันหนึ่งประชาชนหันหลังให้เรา เราก็ไม่มีอำนาจนั้น เราต้องแก้ไขสิ่งที่ปัญหาและความเจ็บปวดของประชาชนให้ถูกจุด คำว่าประชาธิปัตย์ หมายถึง ประชาชนคงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย ดังนั้นเราต้องคงสิ่งนี้ไว้ อำนาจอธิปไตย คืออำนาจของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอันวาร์ แสดงความคิดเห็น บรรดาส.ส.ต่างลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องในอดีต และเป็นเรื่องของกรรมการบริหารชุดที่แล้ว ไม่ควรมาพูดถึงคนที่ได้คะแนนน้อย และสิ่งที่พูดไม่อยู่ในประเด็น และยังมีสมาชิกพรรคอีกหลายคนลุกขึ้นประท้วงปกป้องหัวหน้าพรรค และเชื่อมั่นว่าพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่ตามแนวทางของหัวหน้าพรรค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image