จากกรณีวัยรุ่นยกพวกวิวาททำร้ายร่างกายกันในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สิน และเจ้าหน้าที่โดนทำร้ายร่างกาย และหนึ่งในนั้นมีแพทย์หญิงรายหนึ่งโดนชกที่หน้า และพยาบาลอีกรายโดนทำร้ายนั้น
นายนทีธร วรวทิน หรือตูน อายุ 27 ปี รุ่นพี่ของกลุ่มผู้ตายแก๊งมหาวงษ์ เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า น้องตนที่เสียชีวิต ถูกเหล็กขูดชาร์ปแทงบริเวณใต้ราวนมฝั่งซ้ายจนจุกอก ทำให้ต้องช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ ขอยืนยันว่ารุ่นน้องส่วนหนึ่งไม่ได้ตามไปหาเรื่องคู่อริที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าฯ ตามที่เป็นข่าว แต่เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าน้องที่เสียชีวิตอยู่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้าฯ ซึ่งอีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่องก่อน สาเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายมาจากการเขม่นกัน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากน้องที่เสียชีวิตเป็นเด็กดี ขยันทำมาหากินขายผักและขายพระ เรียนจบปริญญาตรีอย่างดี ช่วงที่เกิดเหตุตนพยายามเข้าไปห้ามรุ่นน้องแล้วด้วย
“สาเหตุที่ทำให้รุ่นน้องเกิดบันดาลโทสะแล้วทำร้ายร่างกายทีมแพทย์นั้น คาดว่าเป็นเพราะรุ่นน้องส่งผู้บาดเจ็บมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ตอนนั้นผู้บาดเจ็บยังมีชีวิตอยู่ หายใจรวยรินแล้ว แต่ถึงโรงพยาบาล มีทีมแพทย์เข้ามารักษาล่าช้ามาก แจ้งว่าไม่มีหมออยู่ หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่ส่งผู้บาดเจ็บไปหาแพทย์ กว่าแพทย์จะมาช่วยชีวิตนั้น ฟ้ามืดแล้ว มีการยื้อชีวิตเกือบ 1 ชั่วโมง สุดท้ายแล้วน้องผมก็เสียชีวิต ผมขอโทษแทนน้องๆ ที่ไปทะเลาะวิวาทสถานที่ราชการในโรงพยาบาล โดยการกระทำครั้งนี้เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมขอโทษหมอและพยาบาลที่รุ่นน้องผมเข้าไปทำร้ายด้วย อยากให้สังคมให้โอกาส” นายนทีธรกล่าว
นายแฟร้งค์ ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนเป็นรุ่นพี่ของนายแจ็ค ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายแฮ็คกลุ่มคู่อริ ตนทราบเรื่องว่านายแจ็คถูกทำร้ายร่างกาย จึงมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า ระหว่างกำลังรอเยี่ยม กลุ่มฝ่ายตรงข้ามเข้ามาที่โรงพยาบาล แล้วมาถามว่า ใครมาทำอะไร ตนยังไม่ทันตอบ คู่กรณีก็เข้ามาทำร้ายร่างกายแล้วตะลุมบอนทำให้ตนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีปัญหาอะไรกัน แต่ทราบเบื้องต้นว่า กลุ่มมหาวงษ์เข้ามารุกล้ำในพื้นที่ซอยโรงเหล็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว กลุ่มของผมไม่ชอบ เลยมีการตักเตือนไปแล้ว แต่กลุ่มมหาวงษ์ไม่ฟัง จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ผมมองว่า การที่มีทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บแล้ว เรื่องมันควรจบ”
พล.อ.ท.นพ.ชูพันธ์ ชาญสมร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้รับผู้บาดเจ็บทำการรักษาหลังพบว่าถูกแทงบริเวณหน้าอก โดยเมื่อมาถึงโรงพยาบาลพบผู้ป่วยไม่สามารถวัดชีพจรได้ และมีเลือดออกในช่องอก จึงรักษาด้วยการเจาะปอดระบายเลือดออก ซึ่งมีจำนวนมาก แพทย์จึงออกไปคุยรายละเอียดอาการกับญาติ โดยมีพี่สาวของผู้บาดเจ็บไปบอกกลุ่มเพื่อน ก่อนที่กลุ่มเพื่อนผู้บาดเจ็บเดินเข้ามาถามแพทย์ว่า “ไหนใครบอกว่าเพื่อนกูตายตั้งแต่ที่เกิดเหตุ” แล้วชกใบหน้าของ พญ.ธนิกานต์ สู่พานิช ที่ทำการรักษาจนทรุดกับพื้น และผลักเจ้าหน้าที่เอกซเรย์ และชกหน้าผากพนักงานขับรถได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นเวลา 20.20 น. เจ้าหน้าที่ยังคงช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บตามคำร้องขอจากญาติ และพยายามขอให้ส่งผู้ป่วยไปรักษาต่ออีกโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่แพทย์ประเมินแล้วว่าผู้บาดเจ็บมีความเสี่ยงหากเคลื่อนย้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามช่วยชีวิตอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในเวลา 20.45 น. จึงส่งศพไปชันสูตรต่อ รวมเวลาการช่วยชีวิต 2 ชั่วโมง 20 นาที
สำหรับโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ ไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ และทรัพย์สินเสียหาย แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เตรียมนำหลักฐานไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบมี 2 คน ส่วน พญ.ธนิกานต์ สู่พานิช ขณะนี้ยังจิตใจไม่ดีและขวัญเสียมาก จึงพักไปก่อนเพื่อให้สภาพจิตใจดีขึ้น
นายสุรีย์วัฒน์ คำนนท์ พนักงานยานพาหนะ ประจำโรงพยาบาลวิภารามชัยปราการ 1 ในเจ้าหน้าที่ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นชกหน้าผาก เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ แพทย์ได้เรียกครอบครัวของผู้ตายมาแจ้งผลว่าผู้ตายเสียชีวิตมาก่อนถึงโรงพยาบาล ต่อมาพี่สาวของผู้ตายเดินไปบอกเพื่อน ซึ่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จากนั้นกลุ่มเพื่อนที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินได้กรูเข้ามา 2-3 คน 1 ในนั้นตะโกนถามว่า “ไหนๆใครเป็นคนพูดว่าเพื่อนกูตายก่อนถึงโรงพยาบาล ?? มันตายที่นี่ !! “ จากนั้นคุณหมอผู้หญิงบอกว่า “หมอเป็นคนพูดเองค่ะ” จากนั้นชายวัยรุ่นเสื้อเหลือง ต่อยที่ช่วงไหล่และหน้าอกของคุณหมอจนคุณหมอล้มลง ก่อนหันมาต่อยหน้าผากตน และเหวี่ยงใส่เจ้าหน้าที่อีกคนล้มลง ตอนนั้นเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น ทุกคนต่างตกใจและช่วยหมอหญิงที่ถูกทำร้าย
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์
