“สิระ” นำ กมธ.กฎหมาย ลงพื้นที่บ้านกกกอก ตามคดีน้องชมพู่ ชี้ “ผู้การแต้ม” ให้สัมภาษณ์ไม่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และคณะศึกษาดูงานเรื่องร้องเรียนกรณีการขอให้ตรวจสอบการใช้หลักการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องในการสืบสวนสอบสวนคดีน้องชมพู่ จังหวัดมุกดาหาร ได้เดินทางมาที่วัดบ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ร่วมประชุมหารือทางคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางคดีของน้องชมพู่ โดยมี พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เข้าร่วมด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำคณะเดินทางขึ้นไปดูจุดบริเวณที่พบรถแบคโฮของเล่น กางเกงและศพของน้องชมพู่ บนภูเหล็กไฟ ก่อนที่จะเดินทางกลับลงมาจากภูเหล็กไฟ เพื่อเข้าพบกับพ่อ แม่น้องชมพู่ ลุงพล และชาวบ้านกกกอก พร้อมร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ที่วัดบ้านกกกอก
นายสิระ กล่าวว่า กรณีที่สอบถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่น้องชมพู่จะเดินขึ้นมาภูเหล็กไฟด้วยตนเองนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากบริบทของเด็กในแต่ละพื้นที่อาจจะไม่เหมือนกัน คนที่อยู่ในพื้นที่ภูเขาแม้ว่าจะเป็นเด็กก็อาจจะมีความสามารถเดินขึ้นภูเขาได้ ตนเองก็สามารถว่ายน้ำข้ามแม่น้ำได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบเพราะบ้านอยู่ใกล้แม่น้ำ ส่วนที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ “ผู้การแต้ม” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายา มือปราบหูดำ อ้างตนเองเป็นนักสืบแล้วออกมาให้สัมภาษณ์วิเคราะห์เรื่องสาเหตุการตายของน้องชมพู่ และวิพากวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คลี่คลายคดี เป็นการออกมาให้มัมภาษณ์ตามที่ตัวเองตั้งธงไว้ในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานไปตามแนวทางของตน การออกมาให้สัมภาษณ์ดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม โดยแม้แต่ตัวตนเองถ้าไม่ได้ข้อมูลจากแพทย์นิติเวชที่ชันสูตรศพ พนักงานสอบสวน และเดินทางมาดูสถานที่พบศพของน้องชมพู่เพื่อให้ได้ความชัดเจนว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรเสียก่อน จึงจะให้สัมภาษณ์
ส่วนนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ออกมาไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมทำนองว่าน้องชมพู่ถูกทรมานจนช็อกเสียชีวิตนั้น คนๆ นี้ทางคณะกรรมาธิการไม่ได้ให้ความสนใจและเชื่อถือ และคิดว่าสังคมก็ไม่ได้ให้ความเชื่อถือเช่นเดียวกัน ทราบว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลัง พิจารณาว่าคำพูดของนายอัจฉริยะทำให้ตำรวจได้รับความเสียหายหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายก็แจ้งความดำเนินคดีต่อไป
