| ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
|---|
เรื่องแปลกประหลาดชวนคิด 2 เรื่องในยุคโควิด-19
เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ พระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร อายุ 94 พรรษา ได้ประกอบพิธีแต่งตั้งอัศวินให้กับพันเอก (กิตติมศักดิ์) โทมัส มัวร์ ทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุ 100 ปี ซึ่งเป็นภาพอันงดงามเป็นอย่างยิ่ง โดยสมเด็จพระราชินีนาถทรงใช้พระแสงดาบของพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชบิดาของพระองค์แตะที่บ่าทั้ง 2 ข้างของอัศวินใหม่ผู้แทบจะไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองหากต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน (walker) มาเข้าพิธีอันศักดิ์สิทธิ์และสง่างามอย่างน่าประทับใจ
พระราชพิธีแต่งตั้งอัศวินครั้งนี้ทำขึ้นเพื่อตอบแทนคุณงามความดีที่คุณปู่โทมัส มัวร์ (มีชื่อที่เรียกกันคือ ทอม อดีตนายร้อยเอกแห่งกองทัพบกอังกฤษ) เห็นว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องเสียสละ เสี่ยงชีวิตเป็นแนวหน้าต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 จึงต้องการจะทำอะไรเพื่อทีมแพทย์และพยาบาลของอังกฤษบ้าง แต่เนื่องจากคุณปู่ทอมมีอายุมากร่วม 99 ขวบแล้ว ออกนอกบ้านก็ไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากเพิ่งผ่าตัดสะโพกมา จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดินตลอด ในที่สุดคุณปู่ก็คิดเรื่องทำนองเดียวกับการวิ่งระดมทุนแบบตูนบอดี้สแลมขึ้น โดยคุณปู่จะเดินในสนามหน้าบ้านตัวเองที่เมืองมาร์ชตัน มอร์เทน แคว้นเบดฟอร์ดเชียร์ ทางภาคกลางตอนบนของเกาะอังกฤษ ด้วยระยะทาง 25 เมตรต่อ 1 รอบ ให้ครบ 100 รอบ ด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน (walker) และขอให้คนช่วยกันบริจาคเงินเพื่อเอาไปซื้ออุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ทีมแพทย์และพยาบาลด้วย ปรากฏว่าเมื่อคุณปู่เดินไปแล้ว 4 วัน ได้ 40 รอบ มีคนร่วมบริจาคเงินทางออนไลน์ในการระดมทุนของคุณปู่แล้วกว่า 2 ล้านปอนด์ ต่อจากนั้นก็เกิดสึนามิของการบริจาคจนสามารถระดมเงินบริจาคได้มากกว่า 33 ล้านปอนด์ หรือกว่า 1,300 ล้านบาท
เมื่อคุณปู่ทอมเดินครบ 100 รอบก่อนถึงวันเกิดครบรอบ 100 ปี โดยคุณปู่ทอมได้มอบเงินทั้งหมดให้แก่สำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติ หรือ NHS เพื่อใช้ในการต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว
ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ได้มีวัยรุ่นชาวอเมริกันนับร้อยได้ออกมาชุมนุมประท้วงหน้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองดีทรอยต์ มลรัฐมิชิแกน เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว เกรซ วัยรุ่นหญิงผิวดำ อายุ 15 ปี ที่ถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจ หลังจากที่เด็กหญิงผู้ชื่อเกรซไม่ได้ทำการบ้านส่งครูในช่วงที่โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนผ่านทางออนไลน์ เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยนักเรียนได้ร่วมกันตะโกนและถือป้ายที่มีข้อความ ปล่อยเกรซ ซึ่งผู้ชุมนุมได้ให้สัมภาษณ์
กับผู้สื่อข่าวโจมตีศาลของมลรัฐมิชิแกนว่า การพิพากษาของผู้พิพากษาผิวขาวที่ชื่อ นางแมรี่
เอเลน แบรนแนน เป็นการแสดงถึงความไม่เท่าเทียมครั้งยิ่งใหญ่ในสังคมเพราะคนผิวดำถูกลงโทษจากความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่คนผิวขาวไม่เคยโดน นอกจากนี้ ในการชุมนุมยังมีการถามว่า มีผู้ชุมนุมคนไหนเคยส่งการบ้านไม่ทันในช่วงเรียนออนไลน์ ซึ่งผู้ชุมนุมเกือบทุกคนได้ยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่าใครๆ ก็ส่งการบ้านไม่ทันทั้งนั้นแหละ
ความจริงนั้นในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เกรซถูกศาลสั่งคุมประพฤติ หลังจากที่เธอทะเลาะกับแม่ของเธออย่างรุนแรงถึงกับตบตีดึงผมแม่เลยทีเดียว พร้อมกับถูกจับได้ว่าขโมยโทรศัพท์มือถือของเพื่อนอีกด้วย โดยนางแมรี่ เอเลน แบรนแนน จะพิพากษาให้เกรซถูกส่งตัวไปกักขังที่สถานพินิจ แต่เกรซได้ร้องไห้ขอร้องไม่ให้ลงโทษเธอถึงขนาดนั้นเพราะเธอสำนึกผิดแล้วและจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นในทุกทางโดยเฉพาะความประพฤติที่จะไม่โกหก ไม่ขโมยและไม่ตบตีกับแม่อีก รวมทั้งการเรียน ซึ่งเธอเรียนหนังสืออยู่ในสภาพย่ำแย่ โดยสัญญาว่าจะเรียนให้ดีขึ้นโดยส่งการบ้านตรงตามเวลาเป็นสำคัญ (เพื่อคะแนนเก็บ) ดังนั้น ผู้พิพากษาหญิงผิวขาวจึงให้เกรซทำทัณฑ์บนตามสัญญาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
เมื่อปรากฏว่าเกรซละเมิดสัญญาทัณฑ์บนโดยไม่ได้ส่งการบ้านตั้งแต่ช่วงที่ทางโรงเรียนเปิดการเรียนการสอนออนไลน์จึงถูกแจ้งจากผู้คุมประพฤติต่อศาล ทางผู้พิพากษาสั่งให้ส่งตัวเกรซไปกักขังที่สถานพินิจจนกว่าทางผู้พิพากษาจะตัดสินอีกครั้งในวันที่ 8 กันยายนที่จะถึงนี้
แม่ของเกรซได้เล่าว่า ทุกครั้งที่เธอเดินทางไปเยี่ยมลูกสาวของเธอที่ถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้า ทำให้เธอทำใจไม่ได้ทุกครั้ง ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ดีทรอยต์ ฟรีเพรส ได้รายงานว่า เกรซมีอาการสมาธิสั้นทำให้เธอประสบปัญหาในการเรียน โดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน พร้อมตั้งคำถามถึงสภาพอินเตอร์เน็ตภายในบ้านของเกรซ ซึ่งอาจจะไม่รวดเร็วพอต่อการเรียนออนไลน์ได้อีกด้วย
ครับ! อ่านข่าวแล้วก็ชวนให้คิดทั้ง 2 เรื่องนะครับ
