อย่าคิดว่าการพูดแต่คำว่า “ไม่รู้ ไม่รู้” ขณะที่กำลังเตาะแตะไปช้าๆของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สะท้อนให้เห็นถึงความ”ไม่รู้ ไม่รู้”ใน ทางเป็นจริง
เพราะในความเป็นจริงซึ่ง”จริงแท้”มากกว่าเป็นบรรดาคนถามด้วยความสงสัยต่างหากที่กลายเป็นคน”ไม่รู้ ไม่รู้”
เนื่องจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รู้นั้นเป็นการรู้อยู่แก่ใจ
1 รู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยมาแล้วตั้งแต่มีการพูดคุยและตกลงกันในพรรคพลังประชารัฐ และ 1 สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐรู้ สิ่งที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความหมายจึงหมายความว่าภาระหน้าที่ต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จักต้องรับผิดชอบและทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนดำเนินการ
ดำเนินการเหมือนกับที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาระบุว่ายินดีคายกระทรวงแรงงานให้กับพรรคพลังประชารัฐ โดย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ต้องจรไปกระทรวงอุดมศึกษาและวิจัย
ความไม่รู้ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงมีคำตอบอยู่ที่การดำเนินการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้คนมักมองภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผ่านคำซึ่งติดอยู่ 2 ริมฝีปากเมื่อพูดกับนักข่าว นั่นก็คือ คำว่า “ไม่รู้ ไม่รู้” เรื่องนี้ต้องไปถาม นายกรัฐมนตรี
เป็นคำว่า”ไม่รู้ ไม่รู้”ซึ่งมาพร้อมกับการต้วมเตี้ยม เตาะแตะโดยมีคนพยุงด้วยความห่วงใย
เหมือนกับนิยามที่ออกมาจากปากตัวเอง”เดินก็ยังไม่ไหวเลย”
หากดูเพียงภาพที่เห็น หากดูจากอาการต้วมเตี้ยม เตาะแตะ ประหนึ่งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อ่อนแอและแทบจะหมดสภาพในทางการเมือง
แต่ความจริงที่แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องยอมรับก็คือ อำนาจยังอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
คำว่า “อำนาจ”จึงมิได้มีความหมายเพียงว่าใครดำรงตำแหน่งอะไร และเป็นอะไรในทางการเมือง ในทางการทหาร หากแต่อยู่ที่ความสามารถในการกำหนด”วาระ”ต่างหาก
ถามว่าในการปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นเรียบร้อยภายในเดือนสิงหาคมนี้ใครคือผู้ทรงอำนาจอย่างแท้จริง
โดยนิตินัยย่อมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่โดยพฤตินัยทุกสายตาย่อมมองไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ