สำรวจ”ความเข้มงวดรับมือโควิด-19″ทั่วโลก ไทยติดกลุ่มประเทศรับมือได้ดี พาณิชย์ชี้แต้มต่อหนุนส่งออก

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยกดดันการค้าโลก ซึ่งองค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ปี 2563 การค้าสินค้าของโลกจะหดตัว13 – 32% ปัจจุบันสถานการณ์การค้าโลกมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้การฟื้นตัวในปีหน้ายังยากที่จะคาดเดา สนค. เห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ดังนั้น กลยุทธ์การส่งออกควร ให้ความสำคัญกับตลาดศักยภาพที่มีแนวโน้มฟื้นตัวก่อน โดยการพิจารณาตลาดศักยภาพสามารถพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ เป็นประเทศที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี มีผู้ติดเชื้อในอัตราที่ต่าลง จนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ สามารถกลับดาเนินการได้อีกครั้ง เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ได้จัดทำดัชนีวัดความเข้มงวดของรัฐบาลแต่ละประเทศในการรับมือกับ ไวรัสโควิด-19 หรือ ดัชนี OxCGRT ครอบคลุมมาตรการ 3 ด้าน ได้แก่ มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด เช่น การปิด โรงเรียน และการจำกัดการเดินทาง มาตรการด้านเศรษฐกิจ เช่น การสนับสนุนรายได้ให้ประชาชน และการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น ระบบการตรวจหาโควิด-19 และการลงทุนด้านสาธารณสุข โดยดัชนี OxCGRT มีค่าระหว่าง 1 – 100 ซึ่งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา ลาว รวมทั้งไทยอยู่ในกลุ่มรัฐบาลรับมือกับไวรัสโควิด-19ได้ดี

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ตลาดศักยภาพยังสามารถสะท้อนจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สาคัญที่ส่ง สัญญาณแนวโน้มฟื้นตัวของประเทศนั้นๆ อาทิ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index หรือ PMI) ซึ่ง PMI เป็นตัวชี้วัดหนึ่งที่บ่งบอกถึงภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และ ยังเป็นตัวชี้วัดที่ถูกนาไปใช้เพื่อประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย จัดทำโดยสถาบันมาร์กิต (Markit) จาก การสารวจความคิดเห็นของผู้บริหารในธุรกิจเอกชนกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ซึ่งค่า PMI ที่เกินกว่า 50 แสดงถึงภาวะ ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ขยายตัว อีกทั้งยังสะท้อนมุมมองเชิงบวกของภาคเอกชนที่มีต่อภาคเศรษฐกิจ โดยเดือน มิถุนายน 2563 พบว่าประเทศที่มีค่า PMI เกินกว่า 50 ได้แก่ จีน เวียดนาม มาเลเซีย และออสเตรเลีย

“ในส่วนของธนาคารโลก ได้ออกรายงานประมาณการภาวะเศรษฐกิจล่าสุดปี 2563 โดยระบุว่าประเทศยังคงสามารถรักษาระดับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับบวกและคาดการณ์ว่าจะเป็นประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ จีน เวียดนาม เมียนมา ลาว และบางประเทศในแอฟริกา ” นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว

Advertisement

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า กลยุทธ์การส่งออกของไทยต้องให้ความสาคัญกับตลาดที่มีศักยภาพในการ ฟื้นตัวก่อน สรุปเกณฑ์ที่สาคัญในการพิจารณา ได้แก่ 1.การควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี 2.การคาดการณ์เศรษฐกิจที่อยู่ในระดับบวก และ 3.มุมมองที่เป็นบวกของภาคเอกชนในประเทศนั้นๆโดยประเทศที่ สนค.เห็นว่าเป็นตลาด ศักยภาพในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออก ประกอบด้วย จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ และประเทศกลุ่มอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา และลาว ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรก2563 การส่งออกไปจีน และฮ่องกง ขยายตัวเป็นบวก 5.8% และ 1.4% ตามลำดับ

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น แม้การส่งออกในภาพรวมจะหดตัวแต่หดตัวในอัตราลดลง และสินค้าบางรายการยังสามารถรักษาระดับการเติบโต โดยเฉพาะสินค้าอาหารและสินค้าที่เกี่ยวข้อง กับการทางานที่บ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสาเร็จรูป ทั้งนี้ การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและสุขอนามัยของสินค้ายังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการค้าในปัจจุบันและช่วงหลังโควิด ยิ่งกว่านั้นผู้ส่งออกต้องปรับรูปแบบการทำธุรกิจและการค้าให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคนิวนอร์มอลเพื่อหาจุดขายใหม่ๆให้แก่สินค้าและบริการ จะทำให้สามารถรักษาฐานตลาดเดิมและชิงส่วนแบ่งจากตลาดใหม่ได้ต่อไป
——————————————–

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image