ไม่ว่าการออกโรงของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญว่าควรตอบรับข้อเสนอของ”เยาวชนปลดแอก”
ตีความได้ 2 แนวทาง ทั้งในด้านอันเป็นเรื่องดี ทั้งในด้านอันเป็นเรื่องเลวร้าย
นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคนตีความ”ยืน”อยู่ตรงจุดใด
ไม่ว่าการออกมาแถลงภายหลังการแพร่ระบาดของแฟล็ชม็อบจาก”เยาวชนปลดแอก”ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าควรมีการพิจารณาเพื่อหาทางออกร่วมกันว่าเป็นอย่างไร
ก็สามารถตีความได้ 2 แนวทาง ทั้งในด้านอันเป็นเรื่องดี ทั้งในด้านอันเป็นเรื่องเลวร้าย
นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคนตีความ”ยืน”อยู่ตรงจุดใด
ข้อเสนอจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ข้อเสนอจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เช่นเดียวกับข้อเสนอของ”เยาวชนปลดแอก”
นั่นก็คือ จะ”มอง”อย่างไร และ “ยืน”มองจากจุดใด
ข้อเสนอของ”เยาวชนปลดแอก”ไม่มีอะไรซับซ้อน 1 หยุดคุกคามประชาชน 1 ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย 1 จากนั้นก็ยุบสภา มอบโอนอำนาจให้ประชาชน
ข้อเสนอแรกหยุดคุกคามประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถทำได้ทันที
ความหมายก็คือ ประชาชนสามารถแสดงออกได้อย่างเสรี
ขณะเดียวกัน ข้อเสนอของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ไม่ซับซ้อน หากรัฐบาลเห็นว่าการออกมาของเหล่า”เยาวชนปลดแอก”มี ความหมายก็สามารถเปิดประตูนั่งลงพูดคุยกันได้
ไม่ว่าเยี่ยงรัฐบาลกับประชาชน ไม่ว่าเยี่ยงผู้ใหญ่ต่อนักเรียน นิสิตนักศึกษา นั่นหมายถึงการเปิดทางไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างโอกาสและเงื่อนไขไปสู่การยุบสภา
ยิ่งหากเห็นว่าการตระเตรียมจัดทำวิธีการและร่างแก้ไขเพิ่มเติมโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล มีความสมบูรณ์ก็สามารถเดินหน้าได้
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่พลันที่เกิดปรากฏการณ์”เยาวชนปลดแอก”ขึ้นสายตาที่มองก็เคลือบไว้ด้วยความหวาดระแวง
เป็นการมองผ่าน”ทฤษฎีสมคบคิด”ว่ามีเบื้องหน้า เบื้องหลัง
ภาระของรัฐบาลจึงมิได้อยู่ที่การเปิดใจให้กว้างรับฟัง ตรงกันข้าม กลับเพ่งความสนใจไปยังมาสเตอร์มายด์ ท่อน้ำเลี้ยง
เรื่องที่ควรจบจึงไม่จบ เรื่องที่ควรง่ายกลับกลายเป็นยุ่งเหยิง