ทองคำไทยยังขึ้นได้ต่อ แต่ลดความร้อนแรงลง หลังทองรูปพรรณแตะระดับสูงสุดที่ 29,800 บาท
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทองคำ ลดความร้อนแรงลง โดยราคาเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมากดดันการปรับขึ้น ซึ่งทองคำสปอตปรับตัวลงประมาณ 15 เหรียญ มาอยู่ที่ระดับ 1,975 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำไทย ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2563 ทองแท่งขายออก อยู่ที่บาท (บาททองคำ) ละ 29,100 บาท รับซื้อ 29,000 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ขายออก 29,600 บาท รับซื้อ 28,470.48 บาท อัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ 31.18 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเพิ่มขึ้น หลังจากปรับอ่อนค่าลงในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้เห็นการนำทองคำออกมาขายทำกำไรจำนวนมาก เพราะนอกจากทองคำจะปรับขึ้นสูงมากแล้ว ยังได้เงินเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทแข็งค่าด้วย
นายณัฐพงศ์กล่าวว่า ด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 92.69 จุด จากระดับ 93.5 จุด โดยมีสาเหตุจากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ จึงคาดหวังว่า ราคาทองคำจะยังเป็นขาขึ้น จากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนตัว และสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงรุนแรงในหลายประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ที่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ในส่วนของกองทุนซื้อขายทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก (เอสพีดีอาร์) ยังถือครองทองคำเท่าเดิม ขณะที่มีหลายๆ กองทุนเริ่มมีการเข้าซื้อทองคำเก็บสะสมมากขึ้น รวมทั้งธนาคารกลางของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะรัสเซียและตุรกี ทำให้ภาพรวมของทองคำยังดูเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะสั้นๆ อาจถูกแรงขายทำกำไรกดดันราคาปรับลดลงบ้าง แต่ยังเชื่อว่า ราคาจะไม่ปรับลดลงเร็วและแรงมากนัก จนกว่าจะเห็นการค้นพบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่เห็นผลชัดเจน” นายณัฐพงศ์กล่าว
นายณัฐพงศ์กล่าวว่า หากวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค พบว่าขณะนี้ ราคาทองคำอยู่ในภาวะการปรับขึ้นทำระดับสูงสุดตลอดเวลา หลังจากราคาทองรูปพรรณปรับขึ้นทดสอบระดับสูงสุดที่ 29,800 บาท ก่อนมีการปรับฐานลงเล็กน้อย โดยมีการปรับลงทดสอบแนวรับด้านล่างที่ 1,940 เหรียญสหรัฐ ก่อนจะดีดตัวกลับมาแถว 1,960 เหรียญสหรัฐ ใหม่ได้ ทำให้ภาพรวมทองคำอยู่ในช่วงของการปรับฐานทำกำไร โดยประเมินกรอบราคาต่อไป มีแนวรับที่ระดับ 1,950 เหรียญสหรัฐ และแนวต้านระดับ 1,980 เหรียญสหรัฐ
