PJW เปิดงบครึ่งแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 39.7 ล้าน อานิสงส์กลุ่มบรรจุภัณฑ์นม-นมเปรี้ยวยังโตได้ต่อเนื่อง ครึ่งปีหลังส่งสัญญาณดี มั่นใจทั้งปีดีกว่าปี62

ยอดขายกลุ่มบรรจุภัณฑ์-นมเปรี้ยวยังโตต่อเนื่อง ดันรายได้-กำไร บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) งวด 6 เดือนแรกปีนี้ไปต่อ ครึ่งปีหลังส่งสัญญาณดี ออเดอร์จากจีนกลับมาแล้ว

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563) ว่าบริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39.7 ล้านบาท และมีรายได้รวมเท่ากับ 1,404.6 ล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้บริษัทฯสามารถรักษาการทำกำไรไว้ได้ เนื่องจากกลุ่มสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์นม และนมเปรี้ยว ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

“ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และชิ้นส่วนรถยนต์ในรอบระยะเวลา 6 เดือน ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากสถานการณ์โควิด โดยเลวร้ายที่สุดในช่วงไตรมาส 2/2563 ซึ่งบริษัทมีนโยบายลดต้นทุน และบริหารประสิทธิภาพกำลังการผลิตจนสามารถมีผลประกอบการเป็นบวกได้ ในส่วนของบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยวได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย และยังคงเติบโตจากตลาดส่งออกซึ่งยอดขายจากจีนเริ่มกลับมาตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/2563 ขณะที่บริษัทบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากลูกค้า คู่ค้า และโดยเฉพาะจากพนักงานที่มีการติดตามสถานการณ์ และสื่อสารข้อมูลเพื่อให้เกิดต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงบริษัทยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จากการบริหารเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงคุณภาพของสินทรัพย์ โดยเฉพาะลูกหนี้การค้า และสินค้าคงคลัง รวมถึงยังได้อานิสงส์จากยอดขายไตรมาส 1/2563 จึงทำให้ยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอ และสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี”

ส่วนภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปีนี้ นายวิวรรธน์กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันหล่อลื่นจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ และสามารถส่งออกไปต่างประเทศ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์เริ่มทยอยเปิดโรงงานเป็นปกติแล้ว ดังนั้นคาดว่ายอดขายในส่วนนี้ น่าจะเริ่มทยอยกลับมาในช่วงปลายไตรมาส 3/2563 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่บริษัทฯมีความมั่นใจว่า สถานการณ์ยอดขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะกลับมาเป็นปกติในปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปี 2564 โดยประเมินว่าอุตสาหกรรมยานยนต์อาจจะทยอยฟื้นตัวกลับมาได้มากขึ้นราว ๆ ปลายปีหน้า จึงคาดการณ์ว่าผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้วและจะกลับมาดีมากขึ้นในปี 2564 ทั้งนี้ขึ้นอยู่บนสมมติฐานว่าจะไม่เกิดการระบาดรอบ 2 ในประเทศไทยและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของทั้งโลกอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้มากขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image