พณ.ดึงร้านค้ากองทุนหมู่บ้านลดค่าครองชีพ นายกส.โชห่วยชี้ม็อบไม่กระทบกำลังซื้อเท่าวิตกโควิด

พณ.ดึงร้านค้ากองทุนหมู่บ้านลดค่าครองชีพ นายกสมาคมโชห่วยชี้ม็อบไม่กระทบกำลังซื้อเท่าวิตกโควิดและปลดล็อกนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเปิดกิจกรรมพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชนล็อต 6 “ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้บ้าน” เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ว่า กิจกรรมพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนได้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2563 รวม 5 ล็อต โดยมีสินค้าราคาพิเศษจากผู้ผลิตกว่า 7,158 รายการ และลดราคาสูงสุด 68% และสินค้าเกี่ยวกับการเปิดภาคเรียนอีก 1,605 รายการ โดยสามารถประหยัดเงินให้ประชาชนกว่าพันล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวว่า พบว่าประชาชนยังต้องการสินค้าราคาประหยัด จึงได้ดำเนินการต่อในล็อตที่ 6 ระหว่างวันที่ 12 สิงหาคม-วันที่ 30 กันยายน 2563 โดยกระจายสินค้าราคาประหยัดถึงระดับหมู่บ้านทั่วประเทศ 6,654 แห่ง ได้แก่ผ่านเครือข่ายสาขาร้านค้าส่ง ร้านโชวห่วยระดับตำบล และร้านค้าชุมชนของกองทุนหมู่บ้านประมาณ 2,751 ร้าน ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีแอพพลิเคชั่นให้สามารถเข้าไปตรวจสอบโดยมีการปักหมุดร้านค้าทั้ง 6,654 แห่งว่าอยู่ที่ตรงไหนผ่านระบบคิวอาร์โค้ดหรือเว็บไซต์ https://พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน.moc.go.th แล้วไปตรวจสอบรายละเอียดว่าอยู่ที่ไหนมีร้านค้าอยู่บ้างมีสินค้าเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 400 รายการที่จำเป็นใน 5 หมวด ได้แก่ 1.อาหารและเครื่องดื่ม 2.เครื่องปรุงรส 3.ของใช้ประจำวัน 4.ผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย 5.ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ลดราคาสูงสุดถึง 50% จากผู้ผลิตผู้จำหน่ายจากทั่วประเทศ 11 ราย

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ชุมชนทางการเมืองในขณะนี้ เชื่อว่าไม่กระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและการทำธุรกิจในประเทศ เท่ากับความกังวลของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะกระทบเป็นวงกว้างมากกว่า จากการที่นักธุรกิจ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ตามปกติ

Advertisement

“แม้ไทยมีการประท้วงจากกลุ่มนักศึกษาและการเมืองนอกสภา โดยไม่มีการติดเชื้อโควิด ยิ่งเป็นเรื่องที่สร้างความมั่นใจต่อการเดินทางเข้าไทยของนานาชาติหลังจากนี้ หากรัฐบาลคลายล็อกให้เปิดต่างชาติเข้าไทย และยิ่งรัฐสามารถดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในการชุมชนประท้วงที่เกิดขึ้น ยิ่งไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ และเชื่อว่าการเมืองน่าจะมีทางออกได้ “ นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์โดยรวมของค้าส่งค้าปลีก พบว่า ร้านค้าดั้งเดิมหรือโชวห่วย ร้านค้าชุมชนได้รับผลกระทบน้อยกว่าค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ ร้านค้าที่เปิดบริการ 24 ชม. เนื่องจากรายได้ต้องพึ่งพาการบริโภคในประเทศการบริโภคโดยคนไทย ที่สามารถหาซื้อได้ใกล้บ้าน ทำให้รายได้ร้านเปิด24ชม.จะได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลง กำไรหายไป และแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าโชวห่วยที่ปิดไม่เกิน 21.00 น.

“ตอนนี้จะเห็นร้านเปิด 24 ชม. ทำโปรโมชั่นและส่งสินค้าถึงบ้านเพียงซื้อ 100 บาท สะทอ้นการแข่งขันที่สูง เริ่มเห็นสัญญาณปิดสาขาที่เป็นแฟรนไชน์ในบางพื้นที่ เพื่อลดภาระเสี่ยง คาดว่าจะเห็นการปิดตัวจากนี้มากขึ้นในอีก 1-2 เดือน หากสถานการณ์วิตกเรื่องโควิด ยังมีต่อเนื่อง และนักท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัวเกิน 50% “นายสมชาย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image