พ่อนักศึกษา คู่กรณีแฟนสาวนักการเมืองท้องถิ่น เข้าพบทนายอาสาแล้ว เดินหน้าขอเป็นโจทก์ฟ้องเอง

พ่อนักศึกษา คู่กรณีแฟนสาวนักการเมืองท้องถิ่น เข้าพบทนายอาสาแล้ว เดินหน้าขอเป็นโจทก์ฟ้องเอง

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวยังคงติดตามความคืบหน้ากรณีนายชูเกียรติ โพธิ์วงษ์ อายุ 48 ปี ช่างทำเหล็กดัด ร้องขอความเป็นธรรม กรณีอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแฟนสาวนักการเมืองท้องถิ่นคู่กรณี ในคดีขับรถเบนซ์หรูเฉี่ยวชน น.ส.สุกฤตา โพธิ์วงษ์ อายุ 19 ปี ลูกสาว กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี จ.จันทบุรี ชั้นปีที่ 1 จนเสียหลักไปชนกับท้ายรถยนต์กระบะ ที่จอดอยู่ข้างทางจนทำให้เสียชีวิต เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 31 พ.ค. 2561 ทั้งที่สำนวนมีทั้งพยานหลักฐาน การวัดค่าความเร็ว ที่ตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เคมีฟิสิกส์ มีความชัดเจน

โดยในวันนี้ นายชูเกียรติ พร้อมกับ นางสำรอง โพธิ์วงษ์ ภรรยา ได้นำเอกสาร หลักฐานเกี่ยวกับสำนวนคดี เดินทางมาที่ สถานีตำรวจภูธร จันทบุรี เพื่อเข้าพบกับนายอรรธกร พ่วงเปีย ทนายอาสา ประจำ สถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี เพื่อขอคำแนะนำ ในการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อฝ่ายแฟนสาวนักการเมืองท้องถิ่นคู่กรณี หลังจากที่ ทางอัยการชั้นต้น และอัยการสูงสุด ได้พิจารณาสำนวนคดี แล้วมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ ด้วยเหตุผลยังกังขา ค้านกับสำนวนคดี ของพนักงานสอบสวนที่มีความชัดเจน และคาดหวังว่าจะสามารถสั่งฟ้องคู่กรณีได้

นายอรรธกร ทนายอาสา เปิดเผยว่า จากที่ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ แล้ว เบื้องต้นสรุปได้ว่า คดีดังกล่าว ออกลูกได้ 2 ทาง ทางแรกกรณีที่ผู้เสียหายยื่นเข้าตรวจสอบในระบบราชการแล้วปรากฏว่า ทางระบบราชการมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง ทั้งนี้ ในส่วนประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยเรื่องวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ติดสิทธิที่กรณี ราษฎร จะเป็นโจทก์ในการเรียกร้องความถูกต้องและค่าเสียหายของราษฎรเอง จึงได้แนะนำให้ไปติดต่อที่ศาลจังหวัดจันทบุรี ซึ่งจะมีทาง ทนายอาสา และทนายขอแรง ที่ทำหน้าที่คอยเยียวยาให้กับผู้ที่มีปัญหาเดือดร้อน และคามเสียหาย
ในส่วนนี้อยู่ โดยในเคสนี้ได้แนะนำให้ผู้เสียหาย ได้ไปยื่นกรอกรายละเอียดและขึ้นทะเบียนที่ศาลจังหวัดก่อน และให้ทางศาลจังหวัดพิจารณาดูว่า คดีนี้ จะรับไว้ให้ทนายขอแรง ได้ช่วยเหลือในทางกฎหมายได้แบบไหน

ด้านนายชูเกียรติ โพธิ์วงษ์ อายุ 48 ปี พ่อของนักศึกษาที่เสียชีวิต บอกว่า ในวันนี้ ได้เดินทางมาเข้าพบกับ พ.ต.ท. ปิติ พานิช รอง ผกก.สส.(สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี เพื่อติดตามเอกสารบางอย่าง เกี่ยวกับคดี และเข้าพบกับ ทนายอาสา เพื่อขอคำแนะนำ เกี่ยวกับคดีความ ว่าจะไปในแนวทางไหน ซึ่งทางทนายอาสา หลังจากที่ได้ตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับคดี ได้บอกว่ายังมีช่องทางอยู่ โดยในส่วนแรก หากมีความประสงค์ที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในคดีนี้เอง สามารถทำได้ โดยให้ไปติดต่อขึ้นทะเบียนกับศาลจังหวัดจันทบุรี ซึ่งจะมีทนายอาสาและทนายขอแรง ดูแลด้านกฎหมายคอยช่วยเหลืออยู่

Advertisement

นายชูเกียรติ บอกอีกว่า รู้สึกดีใจที่ยังมีโอกาสได้ลุกขึ้นมาสู้ต่อ ในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับวิญญาณของลูกสาว แม้ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อย เสียเวลาและกำลังทรัพย์ แต่ก็พร้อมยินดีที่จะแบกรับ เพื่อให้ได้ความยุติธรรมกลับคืนสู่ครอบครัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image