CPL ปรับแผนธุรกิจรับเทรนด์ธุรกิจ ต่อยอดธุรกิจดั้งเดิม หลัง Q2-ครึ่งปีแรก โดนพิษโควิดเต็มๆ

นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูป และผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ภาพรวมของธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป (Finishing Product) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้ 58% ของรายได้รวมของ CPL ประสบปัญหาซบเซาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้หนังในตลาดโลกลดลง ส่งผลกระทบกับยอดสั่งซื้อของบริษัทฯ เช่นเดียวกับธุรกิจฟอกหนัง (Tanning) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 3% ของรายได้รวม ที่คำสั่งซื้อลดลงโดยเฉพาะหนังวัว แต่การรับฟอกหนังหมูยังมีทิศทางที่ดี ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย (Safety Product) มีสัดส่วน 39% ของรายได้รวม ประสบปัญหาจากการที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักต้องหยุดผลิตหรือชะลอการผลิตในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ยอดขายสินค้าเซฟตี้ปรับตัวลดลงเช่นกัน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPL กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯยังสามารถพลิกจากที่เคยขาดทุนในปีที่แล้วที่ 21.71 ล้านบาท และ 49.60 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นกำไรสุทธิ 22.93 ล้านบาท และ 28.03 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปัจจัยหลักที่สำคัญมาจากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 27 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 30 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากรายการพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนในหุ้นกู้ เงินชดเชยค่าภาษีอากรมาตรา 19 ทวิ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

“ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมฟอกหนังเจองานหนักมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนมาเจอกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 คือหนักที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม พยายามประคับประคองธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเรื่องของต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ อัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการขาย (มาร์จิ้น) ปรับตัวดีขึ้นจาก 10.81% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว ขึ้นมาอยู่ที่ 22.37% ในช่วงเดียวกันของปีนี้ ส่วนสินค้ากลุ่มเซฟตี้โปรดักส์ต้องรอลุ้นช่วงครึ่งปีหลัง หลังคลายล็อกดาวน์ โรงงานต่างๆจะกลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่หรือไม่”

นายภูวสิษฏ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับแผนธุรกิจ โดยมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดั้งเดิม เช่น การผลิตสินค้าสำหรับลูกค้ารายย่อย เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันต่อยอดจากวัตถุดิบที่มีอยู่ อาทิ หน้ากากหนัง Pango Mask รองเท้าและอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ได้ทดลองนำสินค้าไปเปิดตัวและวางจำหน่ายในงาน “บ้านและสวนแฟร์” ที่เพิ่งจบงานเพื่อทดสอบตลาด พร้อมพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงพัฒนาการตลาดและการขายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image