นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์แมคโดนัลด์ในประเทศไทย เปิดผยการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2563 ว่า จะดำเนินการภายใต้ 3 กลยุทธ์ ชูเมนูใหม่ที่ให้ความคุ้มค่า (Menu & Value) เน้นสร้างความสัมพันธ์ของแบรนด์ต่อผู้บริโภค (Brand Relevancy) และสร้างความสะดวกสบาย (Convenience) ให้กับลูกค้าผ่านการให้บริการจัดส่งอาหาร (Delivery) บริการไดร์ฟ ทรู (Drive Thru) และดิจิทัล (Digital) พร้อม สร้างความสุขและความผูกพันที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงให้กับลูกค้าผ่านการสื่อสารแบบบูรณาการฉลองครบรอบ 35 ปี แมคโดนัลด์ ประเทศไทย
นายธันยเชษฐ์ กล่าวว่า กลยุทธที่หนึ่ง แมคโดนัลด์มุ่งมั่นส่งมอบอาหารที่อร่อยมีคุณภาพ และสร้างความรู้สึกคุ้มค่าให้กับลูกค้า โดยการพัฒนาอาหารเมนูหลักอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพ รสชาติความอร่อย สร้างสรรค์เมนูใหม่ที่ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคา รวมทั้งการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภค สร้างความถี่ที่เพิ่มขึ้นในการใช้บริการ และขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างในครึ่งปีแรก ได้แก่การปรับ เมนู Signature Angus Beef Burger และ McSpicy Chicken Burger
กลยุทธที่สอง เน้นสร้างความผูกพันกับแบรนด์ ได้แก่ การสร้างประสบการณ์ที่ทันสมัยผ่านการตบแต่งภายในร้านด้วยดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย ที่ดึงดูงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น วัยทำงาน รวมทั้งยังเน้นสร้างความผูกพันกับกลุ่มลูกค้าครอบครัวผ่านกิจกรรมสำหรับเด็ก และรุกสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งโดยการสื่อสารแบบบูรณาการเพื่อฉลองแมคโดนัลด์ครบรอบ 35 ปี ในประเทศไทย
และกลยุทธที่สาม เน้นการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ผ่าน Delivery, Drive-thru และ Digital ด้วยการพัฒนาช่องทางการให้บริการจัดส่งอาหารอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพโดยการผนึกกำลังของแมคดิลิเวอรี และพันธมิตรผู้ให้บริการจัดส่งอาหาร อาทิ GrabFood, Foodpanda, Lineman เพื่อให้ลูกค้าได้รับอาหารที่ร้อนสดใหม่ในเวลาที่รวดเร็วผ่านแคมเปญทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง พัฒนาความรวดเร็วของการให้บริการไดร์ฟ ทรู อย่างต่อเนื่องด้วยการจัดกิจกรรม ‘ไดรฟ์ทรู ชาเลนจ์’ เป็นประจำทุกเดือนโดยให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกกับเกมแข่งจับเวลาขณะใช้บริการอิ่มอร่อยโดยไม่ต้องลงจากรถ พร้อมให้ความสำคัญกับดิจิทัลผ่านช่องทางแมคโดนัลด์ แอพพลิเคชัน ที่มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 1.2 ล้านคน โดยเน้นการใช้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มความถี่ในการใช้บริการที่หน้าร้านและสร้าง engagement กับลูกค้า และได้วางแผนพัฒนาการมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคลผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI / Machine learning-based) และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้แอพพลิเคชั่นเป็น 4 ล้านคน ภายในปี 2564
“และในวาระแมคโดนัลด์ ประเทศไทย ครบรอบ 35 ปี เราเตรียมแผนการสื่อสารแบบบูรณาการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฉลองความผูกพันที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงระหว่างแมคโดนัลด์กับคนไทยตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา และยังคงผูกพันกันตลอดไป” นายธันยเชษฐ์ กล่าวและว่า เตรียมงบประมาณไว้ 30 ล้านบาทสำหรับการฉลองครบรอบ 35 ปี โดยจะเริ่มแคมเปญในเดือนกันยายนนี้ ภายใต้แนวคิด สุขเต็มแมค (Forever Joy) ผ่านไวรัลคลิปที่รวบรวมช่วงเวลาความผูกพันที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของผู้คนกับแมคโดนัลด์มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว รวมถึงเรื่องราวดีๆ ของแมคโดนัลด์ในประเทศไทยจากอดีตสู่ปัจจุบันที่จะสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ และยังมีแคมเปญทางการตลาดที่จะนำเสนอเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภค รวมทั้งการจับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านบริการไดร์ฟ ทรู ของแมคโดนัลด์ที่มี 79 สาขา ทั่วประเทศ ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทางที่สัญจรด้วยรถยนต์ กิจกรรมตอบแทนสังคม ‘สุขเต็มแมคแฮปปี้คูณสอง’ เมื่ออร่อยกับชุดอาหารแฮปปี้มีล นอกจากจะได้รับของเล่น 2 ชิ้นแล้ว ลูกค้ายังได้ร่วมบริจาคของเล่นอีก 1 ชิ้น ให้กับน้องๆ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนจำนวน 218 โรง ทั่วประเทศ และกิจกรรมต่างๆ ภายในองค์กรที่จะสร้างสปิริตและความผูกพันอันดีของสมาชิกในครอบครัวแมคไทย”
นายธันยเชษฐ์ กล่าวถึงช่วงต้นปีที่่ผ่านมาที่ทั่วโลกรวมถึงไทยเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการกระจายของเชื้อโรค ส่งผลให้ยอดขายของแมคทั้งหมดลดลงเหลือประมาณ 50% ผลจากการปิดสาขาของร้านแมคตามนโยบายการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตาม แมคดิลิเวอรี่มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ขณะที่ไดร์ฟ ทรู มียอดขายเติบโต 40 กว่า% และปัจจุบันสาขาของร้านแมคได้กลับมาเป็นแล้วประมาณ 90% มีเพียง 20 สาขาตามแหล่งท่องเที่ยวที่ยังปิดอยู่ แต่ภายในสิ้นปีนี้วางแผนต้องกลับมาเปิดสาขาที่ปิดไปและมีรายได้ราว 90% โดยใช้งบลงทุนของปีนี้ลดลงจากเดิม 250 ล้านบาท เหลือ 180 ล้านบาท และวางแผนแนวคิดเชิงรุกที่เริ่มทำไปแล้วและจะทำต่อเนื่องในปีหน้า คือ dine-in space พื้นที่น้อยลง แต่เน้นบริการเดลิเวอรี เนื่องจากพบกว่าในปัจจุบันมีกว่า 10 สาขาที่มียอดขายดิลิเวอรี่เกินครึ่งหนึ่งของสาขา