ผลสอบถึงมือ บิ๊กแป๊ะ แล้ว แยกความผิด 4 กลุ่ม พบ 2 อดีตผบช.น.ปล่อยปละจน บอส อยู่วิทยา หนี

คณะ กก.ตร. ส่งสรุปผลครั้งสุดท้ายให้ ผบ.ตร. แยกความผิด 4 กลุ่ม บกพร่องทำสำนวนคดีบอส อยู่วิทยา ส่วน “พล.ต.ท.เพิ่มพูน” คนสั่งไม่แย้งอัยการ รอด ไม่เสนอตั้งกสอบ เจ้าตัวยันความเห็นถูกต้อง

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าหลังจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ชุดตำรวจ ซึ่งมี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ได้ขอขยายเวลาการสอบสวนเพิ่มอีก 10 วัน โดยครบกำหนดการขยายเวลาสอบสวนวันนี้ (21 สิงหาคม)

ทั้งนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการฯ ได้ช่วยกันเร่งสรุปผลการสอบสวนให้เสร็จตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และตรวจทานในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนเสนอต่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในวันเดียวกัน เพื่อสั่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อบกพร่อง และชี้มูลความผิดที่ปรากฎ

ส่วนเหตุผลที่คณะกรรมการจำเป็นต้องขอขยายเวลาสอบสวนส่วนหนึ่ง มาจาก พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ส่งเอกสารชี้แจงเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากมีรายละเอียดบางอย่างที่ต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการเพิ่มเติม อาทิ กระบวนการพิจารณาทำความเห็นที่ใช้ระยะเวลานานกว่า 3 เดือน ซึ่ง พล.ต.ท.เพิ่มพูน ยังคงยืนยันการใช้ดุลยพินิจไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการ เป็นไปอย่างถูกต้องทุกประการ

Advertisement

ข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ได้ส่งเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร 3-4 หน้ากระดาษ ชี้แจงต่อคณะกรรมการ กรณี พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พาดพิงว่ามีการใช้ห้องประชุมกองพิสูจน์หลักฐาน พบกับ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.(สอบสวน) บก.จร. อดีตพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ทองหล่อ อาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. เพื่อพูดคุยสูตรคำนวณความเร็ว จนเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ โดย พล.ต.อ.มนู ยืนยันว่ามีการพบกันในห้องประชุมของ พฐ. จริง แต่ พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้เดินทางมาด้วย และด้วยความรอบคอบ พล.ต.อ.มนู ในฐานะผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.) ในขณะนั้น ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ปฏิบัติราชการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง(ผบก.พฐก.) ในขณะนั้น พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช ผู้กำกับในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ เข้าร่วมรับฟังด้วย ส่วน พล.ต.อ.มนู ไปประชุมและทำภารกิจตามปกติ คณะกรรมการได้เก็บข้อมูลการชี้แจงนี้เสนอต่อ ผบ.ตร. ด้วย

ข่าวแจ้งว่าข้อมูลสำคัญว่าการพิจารณาข้อบกพร่องของคณะกรรมการชุดตำรวจได้คัดแยกตำรวจที่มีความบกพร่องในคดีนายวรยุทธ ออกเป็น 4 กลุ่ม โดยบางนายถูกพิจารณาข้อบกพร่องหลายประเด็น

กลุ่มที่ 1 จำนวน 11 นาย เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งมีจำนวน 2 ชุด บางนายเคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปแล้ว เช่น พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในวันเกิดเหตุ พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในขณะนั้น และรองผู้กำกับ สน.ทองหล่อ ในฐานะที่กำกับดูแล พ.ต.อ.วิรดล ข้อบกพร่องที่พบ เช่น ไม่ตรวจปัสสาวะผู้ต้องหา ซึ่งเป็นประเด็นที่ ป.ป.ช. ยังไม่ได้ชี้มูลความผิด หรือกรณีผู้ต้องหามอบตัวแล้วกลับให้ประกันตัวออกไป

Advertisement

กลุ่มที่ 2 จำนวน 9 นาย โดย 6 นาย เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาระดับรองผู้บังคับการ(รอง ผบก.) ถึง ผู้บัญชาการ(ผบช.) ในช่วงปี 2559-2560 ได้แก่

-อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ในช่วงกลางปี 2559
-อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ในช่วงต้นปี 2560
– อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) คุมงานสอบสวน
– อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ควบคุม บก.น. 5
– อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5)
– อดีตรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5)

ข้อบกพร่อง ฐานเป็นผู้บังคับบัญชา ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจ เนื่องจากพนักงานอัยการ มีหนังสือเร่งรัดให้ออกหมายจับ และส่งตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี แต่อดีตผู้บังคับบัญชาในกลุ่มนี้กลับไม่ดำเนินการออกหมายจับนายวรยุทธ ข้อหาชนแล้วหนี จนเป็นหมายเหตุให้นายวรยุทธ เดินทางออกนอกประเทศ เมื่อ 25 เม.ย.2560

และอีก 3 นาย คือ
– พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.(สอบสวน) ฝ่ายอำนวยการ บก.จร. อดีตพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ทองหล่อ
– ผกก.สน.ทองหล่อ (ในขณะนั้น)
– รองผกก.คุมงานสอบสวน (ในขณะนั้น)

ข้อบกพร่อง คือไม่ส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจปัสสาวะ ในทันทีหลังเกิดเหตุ

กลุ่มที่ 3 จำนวน 4 นาย ได้แก่
– พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ
– พ.ต.อ.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช (ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ)
– พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ปฏิบัติราชการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ อดีต ผบก.พฐก. ในขณะนั้น
– รองผู้บังคับการ กองพิสูจน์หลักฐาน (กำกับดูแล พ.ต.อ.ธนสิทธิ)

ข้อบกพร่อง คือกลับคำให้การเรื่องความเร็วรถยนต์ จนเป็นจุดพลิกคดี

กลุ่มที่ 4 จำนวน 4 นาย คือ
– พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ทองหล่อ
– ผกก.สน.ทองหล่อ (ปี 2559 – 2560)
– รอง ผกก.สน.ทองหล่อ (ปี 2559-2560)
– พนักงานสอบสวน (ลงนามในหนังสือที่ส่งถึงอัยการแทนผู้กำกับ)

ข้อบกพร่อง คือปรากฎหลักฐานว่ามีการลงวันที่สอบสวน พ.ต.อ.ธนสิทธิ 2 วัน แต่ข้อเท็จจริงคือมีการสอบสวนเพียง 1 วัน

ข่าวแจ้งด้วยว่า นายตำรวจที่เกี่ยวข้องหลายนายเกษียณราชการไปแล้ว เช่น ผบช.น. จะลงโทษได้หรือไม่ กรณีนี้หาก ผบ.ตร.มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงขึ้นมาแล้วสอบสวนพบมูลความผิดจริง ก็สามารถสั่งลงโทษย้อนหลังได้

ส่วน พล.ต.ท.เพิ่มพูน ก่อนหน้านี้สอบสวนไม่พบข้อบกพร่องกรณีไม่แย้งคำสั่ง ไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการ อีกทั้งมีรายงานว่า คณะกรรมการมีความเห็นไม่เสนอ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบแล้วเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่า พล.ต.ท.เพิ่มพูน ได้ใช้ดุลยพินิจโดยสมบูรณ์รอบคอบตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนขณะนั้น กรณี พล.ต.ท.เพิ่มพูน จึงจบแค่ชั้นสอบสวนของชุด พล.ต.อ.ศตวรรษ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image