นายชินโสะ อาเบะ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เนื่องเกรงว่าจะทำงานไม่สมกับเงินเดือน : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนที่ 63 ประกาศลาออกอย่างกะทันหัน เมื่อวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ โดยนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะได้แถลงว่า จากการไปตรวจสุขภาพในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่าโรคลำไส้ใหญ่อักเสบมีแผล (ulcerative colitis) ที่เป็นโรคประจำตัวของเขากลับมากำเริบอีกครั้ง และอาการได้ทรุดลงในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม จนถึงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องเข้าออกโรงพยาบาลถึง 2 ครั้ง และตรึกตรองว่าเขาคงทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ไม่เต็มที่ จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอาเบะยังเปิดเผยต่อสำนักข่าว CNN ว่า

“ถึงแม้ว่าผมจะยังคงมีเวลาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเหลืออีก 1 ปี และมีงานใหญ่ที่ท้าทายที่จะต้องทำอีกมาก แต่เป็นเวลานานเกือบ 8 ปีที่ผมได้พยายามควบคุมโรคที่เรื้อรัง แต่ในเดือนมิถุนายนนี้ ผมได้เข้ารับการตรวจร่างกายตามปกติ และพบมีสัญญาณของโรคเกิดขึ้น ทำให้ผมต้องทำการตัดสินใจว่าผมไม่สมควรอยู่ต่อในฐานะผู้นำ ผมตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อจะต่อสู้โรคร้ายและต้องการได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ต่อไป”

ความจริงการลาออกครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายอาเบะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะปัญหาสุขภาพ เมื่อ พ.ศ.2550 นายอาเบะก็เคยลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 57 อย่างกะทันหันเนื่องจากอาการลำไส้อักเสบ ซึ่งเป็นอาการป่วยเรื้อรังที่เป็นปัญหาสุขภาพมาตั้งแต่ช่วงที่เขายังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม โดยเป็นผู้ป่วยลำไส้อักเสบซึ่งจะมีอาการปวดท้อง ท้องร่วง เหนื่อยง่าย และน้ำหนักลด ซึ่งทุกวันนี้นายอาเบะก็ยังคงต้องใช้ชีวิต โดยมีโรคลำไส้อักเสบเป็นโรคประจำตัว

Advertisement

อย่างไรก็ตาม นายอาเบะก็ยังคงรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปจนกว่าพรรคเสรีประชาธิปไตยที่เขาสังกัดอยู่จะเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งจากนายอาเบะในเดือนกันยายนนี้ โดยตัวเต็งที่จะมาเข้ารับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีต่อไป ก็เห็นๆ กันอยู่ 5 คน ได้แก่ นายทาโร อาโซ รองนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งมายาวนานและ นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของนายอาเบะ, นายชิเกรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เคยชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายอาเบะ และ นายฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ กับ นายทาโร โคโนะ รัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบัน

สำหรับประวัติชีวิตของนายชินโสะ อาเบะนั้น เขาเกิดวันที่ 21 กันยายน พ.ศ.2497 ครอบครัวของอาเบะเป็นครอบครัวนักการเมือง โดยมีบิดาคือ นายชินทาโร อาเบะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเขาก็เป็นหลานชายของ นายโนบุสึเกะ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

ชินโสะ อาเบะ เกิดที่เมืองนางาโตะ จังหวัดยามางูจิ และได้ศึกษาด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเซเกะ และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา ภายหลังจบการศึกษา ได้ทำงานกับบริษัทโคเบะสตีล และได้ลาออกใน พ.ศ.2525 เพื่อเข้าสู่วงการเมือง นายอาเบะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2536 และได้เป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีใน พ.ศ.2548 ในรัฐบาลของ นายจุนอิชิโร โคอิซูมิ เพียงหนึ่งปีถัดมา นายอาเบะก็ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

Advertisement

เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2550 อาเบะได้ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเขาและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะได้ลาออกพร้อมกันในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2550 ด้วยเหตุผลทางสุขภาพจากโรคลำไส้ใหญ่อักเสบมีแผลนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อาเบะก็ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2555 โดยเขาได้ประกาศใช้นโยบายเศรษฐกิจของเขา ชื่อ “อะเบะโนมิกส์” ซึ่งมีการอัดฉีดปริมาณเงิน การกระตุ้นการคลัง และการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก นายอาเบะจึงประกาศยุบสภาในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 หลังจากบริหารประเทศได้เพียง 2 ปี เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2557 และได้รับเลือกตั้งกลับมาใหม่ด้วยคะแนนเสียงที่ชนะแบบขาดลอย

นายอาเบะดำเนินนโยบายแบบรุกทางการทหารและการต่างประเทศ โดยพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ของญี่ปุ่นที่ห้ามญี่ปุ่นมีกองทัพเพื่อจุดประสงค์อื่นนอกเหนือไปจากการป้องกันตัวเอง นอกจากนี้ นายอาเบะยังแสดงความเป็นชาตินิยมด้วยการเดินทางไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิ อันเป็นสถานที่สักการะดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในสงคราม ซึ่งรวมถึงอาชญากรสงครามหลายคนที่เกาหลีใต้และจีนเจ็บแค้นแบบไม่ยอมให้อภัย เนื่องจากในอดีตทั้งสองประเทศถูกรุกรานและกดขี่ข่มเหงจากกองทัพญี่ปุ่นอย่างโหดเหี้ยมทารุณทำให้เกิดความตึงเครียดกับประเทศจีนและเกาหลีใต้โดยไม่จำเป็น

ใน พ.ศ.2558 เขาผลักดันจนรัฐสภาอนุมัติให้ญี่ปุ่นสามารถส่งกองทัพไปต่างประเทศได้ หากเป็นเพื่อ
การป้องกันตัวเองและพันธมิตร แม้ว่าประเทศเพื่อนบ้านและชาวญี่ปุ่นเอง จะไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากก็ตามเนื่องจากความนิยมในตัวนายอาเบะเป็นไปอย่างขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ไม่มีใครท้าทาย หรือพยายามโค่นเขาจากตำแหน่ง ด้วยอิทธิพลที่มีต่อพรรคเสรีประชาธิปไตยมากถึงขั้นที่พรรคแก้ข้อบังคับโดยอนุญาตให้นายอาเบะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นสมัยที่ 3 ได้ทำให้นายอาเบะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

แต่ด้วยสปิริตของผู้นำในระบอบประชาธิปไตยนายอาเบะเป็นคนที่ทำงานหนักมาก โดย นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า นายอาเบะทำงานต่อเนื่องโดยไม่ยอมพัก 147 วัน โดยยืนกรานว่าจะเป็นผู้นำทัพในการสู้วิกฤตต่างๆ ภายในประเทศด้วยตัวเองและ นายอากิระ อามาริ หนึ่งในสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย พรรคของนายอาเบะก็ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ผ่านทางโทรทัศน์ โดยยืนยันว่านายอาเบะ เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก และรู้สึกผิดทุกครั้งเวลาที่เขาจะขอลาไปพักผ่อน

เมื่อนายอาเบะตระหนักว่าเขาจะไม่สามารถทำงานให้คุ้มเงินเดือนนายกรัฐมนตรีได้เขาจึงควรลาออก จึงนับว่าน่าสรรเสริญอย่างแท้จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image