อธิบดีกรมอุทยานฯ ลั่น จนท.รื้อรีสอร์ต ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ยอมให้นายทุนข่มขู่เด็ดขาด

อธิบดีกรมอุทยานฯ ลั่นกรณี จนท.รื้อรีสอร์ต ถูกต้องตามกฎหมาย จะไม่ยอมให้นายทุนข่มขู่เด็ดขาด

จากกรณี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นำข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมร่วมกับนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามนโยบาย “รวมไทยสร้างชาติ” เพื่อขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ระดับพื้นที่ของรัฐบาล การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมแควใหญ่ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. จึงแล้วเสร็จ

จากนั้นเวลา 13.00 น. คณะทั้งหมดได้เดินทางไปยังพิพิธเมืองกาญจน์ พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี (หลังเก่า) ที่อยู่บริเวณศาลหลักเมือง พบปะและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของภาคเอกชนของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งครั้งนี้ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์พืช ร่วมลงพื้นที่ด้วย

ดังนั้นผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปพบ พร้อมกับสอบถามถึงกรณีที่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ประกาศใช้ พ.ร.บ.กรมอุทยานฯฉบับใหม่ ปี 2562 เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตของกลุ่มนายทุน ทั้งๆ ที่มีรีสอร์ตหลายแห่งที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าดำเนินการหรือไม่

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงว่า กรณีนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ถึงแม้อัยการจะสั่งไม่ฟ้องก็ตาม แต่ถ้าพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานฯ ก็เป็นสิทธิหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะบังคับใช้ พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 มาตรา 35(2) ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 1 -3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษแล้ว ผู้นั้นยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียนว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เราได้ดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง เราไม่มีการรังแกพี่น้องประชาชนโดยเด็ดขาด ฉะนั้นขอให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนสบายใจได้ ในส่วนของกรมอุทยานฯ ที่เราแก้กฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานฯ หรือ พ.ร.บ.สัตว์สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ก็เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในป่า ได้อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

Advertisement

ส่วนกรณีกลุ่มนายทุนที่เคยถูกประกาศใช้มาตรา 22 ขณะนี้บางรายอยู่ระหว่างฟ้องศาลปกครอง ซึ่งบางรายศาลปกครองได้มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว ซึ่งก็ว่ากันไปตามระเบียบข้อกฎหมาย ถ้าศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวก็ว่ากันไป

แต่ในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เราอิงระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ตนถึงบอกไปว่าถ้าผู้ประกอบการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร ให้มาพูดมาคุยกันกับเจ้าหน้าที่ได้ ยกเว้นถ้ามีการบุกรุกเพิ่มเติม มีการซื้อขายเปลี่ยนมือหรือจะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ตัวอย่างเช่น กรณีของอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มีเจ้าของผู้ประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่เข้าไปบุกรุก หรือไปซื้อที่มาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่แล้วนำไปสร้างรีสอร์ต ซึ่งขณะนี้เราได้ดำเนินคดีและรื้อถอนไปแล้ว ซึ่งกรณีอย่างนี้อันที่จริงแล้วเราไม่อยากให้มี แต่ถ้าหากพี่น้องประชาชนอยู่อาศัยกันเองและดำเนินการเอง ตรงนี้ก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการรีสอร์ตรายหนึ่งในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ มอบหมายให้ทนายความส่งจดหมายมาข่มขู่เจ้าหน้าที่ จะมีมาตรการอย่างไร นายธัญญา เนติธรรมกุล กล่าวว่า หากเราถูกข่มขู่ ตนเรียนว่าในส่วนตัวไม่ยอมเด็ดขาด กรมอุทยานฯ เรายอมไม่ได้อยู่แล้ว และถ้าเจ้าหน้าที่ของเราปฏิบัติตามกฎหมายแล้วเราคงไม่ยอม

“ซึ่งทางกรมอุทยานฯ คงจะต้องหาวิธีหรือมาตรการอะไรบางอย่าง อาจจะมีการเจรจา หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือหน่วยงานความมั่นคง และจังหวัด หรือจะเป็นทางอำเภอ เพื่อเข้ามาดำเนินการในการแก้ไข แต่ขอเรียนว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ของเราดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย การข่มขู่จะต้องไม่มีเกิดขึ้น ซึ่งทางกรมอุทยานฯ ยอมไม่ได้โดยเด็ดขาด” นายธัญญากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image