เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น พร้อมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความเดินทางมาศาลเพื่อ ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ ไลฟ์เฟซบุ๊กกล่าวหาเชิงประจานเรื่องหนี้ ธ.ก.ส. โดยมีการนำสำนวนคดีบางส่วนมาพูด ทำให้เกิดผลเสียต่อลุงพลและป้าแต๋น และมีการหมิ่นเหยียดหยามพาดพิงถึงกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่
นายไชย์พล เปิดเผยว่าการกระทำของนายอัจฉริยะ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด โดยการฟ้องครั้งนี้ไม่มีการเรียกเงินค่าเสียหายแต่อย่างใด แต่อยากให้ เป็นบทเรียน ไม่ให้นำเรื่องราวของผู้อื่นมาทำให้เกิดความเสื่อมเสีย แต่หากนายอัจฉริยะ ขอโทษผ่านสื่อมวลชนก็จะไม่ติดใจเอาความ จะถอนฟ้องให้ นายษิทรา ทนายความกล่าวว่าคดีนี้เตรียมพยาน ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไว้2ปากคือตัวลุงพล เเละผู้ที่ได้รับชมคลิป
ด้านนายอัจฉริยะให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีที่ นายไชย์พล ฟ้องศาลว่ารู้สึกเฉยๆ กับการที่ทั้งสองคนจะไปฟ้อง แต่มองว่าทั้งลุงพลและป้าแต๋นตกเป็นเครื่องมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอยู่หรือไม่ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทั้งสองพบกับทนายษิทรา ต้องมีคนหนุนหลังให้ และพร้อมจะต่อสู้ในชั้นศาลอย่างเต็มที่ เพราะยืนยันว่าการที่ไลฟ์ในเพจเฟซบุ๊กของตัวเอง เรื่องนี้สินของลุงพลป้าแต๋น ก็มีหลักฐานซึ่งทั้ง 2 คนก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ก่อนที่จะดัง และตลอดการไลฟ์ก็ไม่ได้บอกว่า ลุงพลเป็นผู้ต้องหา แต่เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ และอยากเตือนลุงพลป้าแต๋นว่า ควรทำมาหากินเองได้แล้ว เพราะถ้าไม่มีชื่อเสียงก็อยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ถ้ามีโอกาสเก็บเงินเก็บทองก็รีบเก็บเอาสู้คดีกันในชั้นศาลดีกว่า เพราะคดีความเมื่อขึ้นศาลแล้วไม่ใช่สู้กันวันสองวัน และถ้าให้ไปขอโทษลุงพลแล้วลุงพลจะให้อภัย ตนคอนเฟิร์ม 100% ว่าจะไม่ขอโทษแน่นอน เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด การพูดทุกอย่างมีหลักฐานแน่นอน โดยภายหลังยื่นฟ้อง ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 25 ม.ค.64