สธ.หวั่นไข้มาลาเรีย ระบาดหน้าฝน เตือน ปชช.สังเกตอาการไข้ต่ำ-เบื่ออาหาร-คลื่นไส้

Close up a Mosquito sucking human blood_set B-4

 สธ.หวั่นไข้มาลาเรีย ระบาดหน้าฝน เตือน ปชช.สังเกตอาการไข้ต่ำ-เบื่ออาหาร-คลื่นไส้

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ฉบับที่ 279 ประจำสัปดาห์ที่ 38 ระหว่างวันที่ 20-26 กันยายน ว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้มาลาเรีย ปี พ.ศ.2563 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 กันยายน พบผู้ป่วย 51 จังหวัด จำนวน 3,415 ราย เสียชีวิต 1 ราย จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ ยะลา 1,070 ราย ตาก 851 ราย และกาญจนบุรี 425 ราย เป็นคนไทย จำนวน 2,479 ราย ร้อยละ 73 และต่างชาติ จำนวน 936 ราย ร้อยละ 27 กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด ได้แก่ อายุ 25-44 ปี ร้อยละ 28 อายุ 5-14 ปี ร้อยละ 24 อายุ 45 ปีขึ้นไป ร้อยละ 21 และอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 21 ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเกษตรกร ร้อยละ 35 เด็ก/นักเรียน ร้อยละ 34 และรับจ้าง ร้อยละ 20

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียจะลดลงมาก แต่ประเทศไทยยังมีโรคไข้มาลาเรียอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขา น้ำตก คาดว่าจะยังพบผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียเพิ่มขึ้นได้ในช่วงนี้ เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการเจริญพันธุ์ของยุงซึ่งเป็นพาหะนำโรคนี้ “โรคไข้มาลาเรีย” หรือมีชื่อเรียกได้อีกว่า ไข้จับสั่น ไข้ป่า ไข้ดง ไข้ร้อนเย็น ไข้ดอกสัก และไข้ป้าง โรคไข้มาลาเรียมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค เป็นยุงที่ออกหากินเวลากลางคืน สาเหตุหลักคือถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อกัด ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น จากแม่ที่ป่วยเป็นไข้มาลาเรียสู่ลูกในครรภ์ การถ่ายโลหิต เป็นต้น เมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียกัดผู้ป่วยที่มีเชื้อไข้มาลาเรีย เชื้อจะอยู่ในตัวยุงประมาณ 10-12 วัน เมื่อยุงนั้นไปกัดคนอื่นต่อก็จะปล่อยเชื้อไข้มาลาเรียเข้าสู่คน จึงทำให้คนที่ถูกยุงกัดเป็นไข้มาลาเรียต่อ

“โดยทั่วไปอาการเริ่มแรกของไข้มาลาเรียจะเกิดขึ้นหลังจากถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อกัดประมาณ 10-14 วัน โดยจะจับไข้ไม่เป็นเวลา ไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ ตาเหลือง ตับหรือม้ามโต อาจมีอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหารได้ หลังจากนั้นจะจับไข้เป็นเวลา มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ เหงื่อออก ผู้ป่วยจะอ่อนเพลียและเหนื่อย หากมีอาการป่วยดังกล่าวภายหลังมีประวัติเคยเข้าไปในป่าหรืออาศัยอยู่ในป่าในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ถึง 2 เดือนก่อนเริ่มป่วย ให้รีบนำไปพบแพทย์ และให้ประวัติการเดินทางเข้าป่าหรือพักอาศัยในป่า กรมควบคุมโรค ขอเตือนประชาชนว่าควรป้องกันตนเองไม่ให้โดนยุงกัดโดยสวมใส่เสื้อผ้าปกคลุมแขนขาให้มิดชิด ใช้ยาทากันยุงหรือจุดยากันยุง นอนในมุ้งชุบน้ำยาทุกคืนใช้มุ้งชุบน้ำยาคลุมเปลเวลาต้องไปค้างคืนในไร่นาป่าเขา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นพ.สุวรรณชัยกล่าว

 

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image