‘หนุ่ม ปาตานี’ ลั่น ‘ชายแดนใต้’ คือที่จำลองอำนาจบาตรใหญ่ จี้ปฏิรูปกองทัพ กระจายอำนาจ
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และเครือข่าย จัดกิจกรรม “19 กันยา ทวงอำนาจ คืนราษฎร” โดยจะมีกิจกรรมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล สลับการแสดงดนตรี และการแสดงละครล้อเลียน
เวลา 18.14 น. นายสูฮัยมี หรือมิน ตัวแทนสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ภาคใต้ (สนท.) กล่าวปราศรัย โดยว่า ผมมาจากชายแดนใต้ ปาตานี ตลอด 6 และ 10 กว่าปีที่ผ่านมา หลายคนต้องตกอยู่ในภาวะไม่ปกติจนเป็นเรื่องปกติ รัฐมีอำนาจบาตรใหญ่มหาศาล พกพาอาวุธไปที่ต่างๆ ได้ โรงเรียน ตลาด เซเว่น รวมถึงที่สาธารณะอื่นๆ อาวุธเข้ามาในลูกตา นั่นคือสัญญะของความรุนแรง
“พื้นที่ชายแดนใต้คือที่จำลองอำนาจรัฐที่บาตรใหญ่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีคนถูกจับกุม อุ้มหาย ทำร้าย เนื่องจากเห็นต่างจากเจ้าหน้าที่รัฐ คือที่แรกที่ถูกใช้ก่อนที่อื่น ที่นั่นกฎหมายไม่ใช่กฎหมาย ที่นั่นมีคนตายจริง มีคนหายจริง มีคนถูกพลัดพรากจากครอบครัวจริงๆ เพียงเพราะเขาเห็นต่างจากรัฐ และฝ่ายความมั่นคง และผู้มีอำนาจกำลังทำให้ประเทศนี้เสมือนสามจังหวัดชายแดนใต้”
ตลอด 6 ปี สามจังหวัดไม่เคยอยู่ในมิติการพัฒนา อัตรารายได้เฉลี่ยของคนที่นั่นลดน้อยที่สุด มิติด้านการศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล มิติสิ่งแวดล้อมยิ่งแล้วใหญ่ นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ถ่านหินเทพา ชาวบ้านออกมาเดินขบวน ต่อต้าน ให้ยุติธรรมที่สุด โดนคดีติดไม้ติดมือเต็มไปหมด นี่หรือผู้นำรัฐที่ต้องการการพัฒนา ความมั่นคง มั่งคั่ง ไม่เคยมีเราอยู่ในความคิดของผู้นำเผด็จการทั้งนั้น ถามจริง ประชาชนอยู่ตรงไหนกัน
“ที่นั่นยาเสพติดราคาถูกยิ่งกว่าชาไข่มุก หาซื้อง่ายกว่าร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัว ผมตั้งคำถามว่า ก่อนถึงชายแดนใต้มีด่านทหาร ตำรวจเป็นสิบๆ แต่ทำไมยาเสพติดหลุดรอด หรือสิ่งเสพติดเหล่านี้ถูกเปลี่ยนชื่อ กลายเป็นแป้ง ใครจะไปรู้ ขนาดคนขายยายังได้เป็นรัฐมนตรี รอดทุกคดี คือเหตุผลที่ที่นั่นหลุดทุกการพัฒนา”
นายสูฮัยมีกล่าวอีกว่า ผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ คืออีกคนที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก ต้องเอาชีวิตเข้าแลกกับความอยุติธรรม ให้เขาเป็นคนสุดท้าย ขอระลึกถึง คณากร เพียรชนะ สมชาย นีละไพจิตร สืบ นาคะเสถียร และหะยีสุหลง
อารมณ์โกรธผู้มีอำนาจเขามองเราเป็นอะไรกัน มองเรามีศักดิ์ศรีความเป็นคนมากแค่ไหน
กรณีเจ้าหน้าที่วิสามัญ 3 ศพ ที่เขา จ.นราธิวาส คือเหตุที่ต้องปฏิรูปกองทัพให้เป็นของประชาชน ทันสมัย เป็นประชาธิปไตย อยู่ในร่องรอยของความเป็นธรรม
“เราต้องพูดกันให้ถึงที่สุดว่าเราไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าฝ่ายไหน ใครก็ตาม เพราะความรุนแรงไม่อาจนำมาซึ่งสันติได้ เราต้องผลักดันให้รัฐราชการรวมศูนย์ กระจายอำนาจ โอกาส ทรัพยากร ให้ท้องถิ่นจัดการดูแลตัวเองได้ ภายใต้ความหลากหลายทางศาสนา ภาษา อัตลักษณ์และวัฒนธรรม
สุดท้ายความหวัง ความฝันของผม และอีกหลายคนในชายแดนใต้ คือการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คือทางออก ไม่ใช่ทางเลือก หมดเวลาแล้วท่านประยุทธ์” นายสูฮัยมีกล่าว
