เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯกทม. นายสถาพร เที่ยงธรรม ผอ.กองโบราณคดี กรมศิลปกร พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร โฆษกบช.น. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผบช.น. แถลงข่าวกรณีหมุดของกลุ่มผู้ชุมนุม พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวว่า วันที่ 20 กันยายน นายสุรเดช อำนวยสาร ผอ.เขตพระนคร รับมอบอํานาจจาก กรุงเทพมหานคร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ให้ดําเนินคดี กรณีมีกลุ่มบุคคลได้ ทําลายรั้วเหล็ก และกลุ่มบุคคลบางส่วนขุดเจาะถนนคอนกรีตซีเมนต์ เป็นถนนตัดกลางท้องสนามหลวง ที่มีไว้สําหรับประชาชนใช้ร่วมกัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรุงเทพมหานครได้รับความเสียหาย ข้อหาฐานทําให้เสียหายทรัพย์ และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ศ.2535 พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน กรมศิลปากรตรวจสอบพบว่ามีการฝังหมุดของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสาตร์และการชุมนุม ในพื้นที่สนามหลวงอันเป็นโบราณสถานซึ่งเข้าข่ายการกระทําความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 10 ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อ เติม ทําลาย เคลื่อนย้ายโบราณสถาน หรือส่วนต่าง ๆ ของโบราณสถาน หรือมีการขุดค้น สิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้าง อาคารภายในบริเวณโบราณสถาน เว้นแต่จะกระทํา ตามคําสั่งของอธิบดี หรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี ทางพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้รับคําร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 426/2563 ลง 20 ก.ย.63
โฆษก บช.น. กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเห็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง พบว่ามีทรัพย์สินเสียหายหลายรายการ และพบว่ามี การขุดถนนคอนกรีตซีเมต์เป็นหลุมกว้างขนาด 1 ฟุต ยาว 1 ฟุต ลึก 2.5 ซ.ม. เพื่อฝังหมุดของกลุ่มแนวร่วม ธรรมศาสตร์และการชุมนุมในที่เกิดเหตุ จึงทําการตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี และนําส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์ หลักฐานเพื่อทําการตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ กรมศิลปากร และกรุงเทพมหานคร ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณท้องสนามหลวงให้อยู่ในสภาพปกติ กรณีดังกล่าวเป็นรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์การกระทําความผิด อันเป็นการ ดําเนินการไปตามขั้นตอนของกฏหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีการนำหมุดไปวางไว้บริเวณใด แล้วมีผู้เสียหายก็สามารถแจ้งความดำเนินคดี
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า หมุดทองเหลืองไม่ได้หายไปไหน แต่ส่งมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์ทำการตรวจสอบ กรณีถ้าปักหมุดทองเหลืองเพิ่มเติม จะแบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 พื้นที่ 1.หากเป็นพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ส่วนราชการ เป็นพื้นที่ที่หน่วยงานใดดูแลอยู่ หากกระทำดังกล่าวดูแล้วมีความผิดตามกฎหมายก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนได้ 2.หากเป็นพื้นที่เอกชนหรือพื้นที่ส่วนบุคคล การกระทำลักษณะดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิ์ ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ความฐานบุกรุกหรือทำให้เสียทรัพย์ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ข้อมูลยืนยันจากทางอธิบดีกรมศิลปกร บอกแล้วว่า หมุดนี้ไม่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไม่สามารถที่จะมาไว้ในพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์
พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า ยังมีการแจ้งความร้องทุกข์ความผิดตามพ.ร.บ.การชุมนุสาธารณะ ไม่ได้มีการขออนุญาตจัดตั้งการชุมนุม ส่วนความผิดอื่นๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งการถอดเทปคำปราศรัยต่างๆ การดำเนินการจัดให้มีการชุมนุม ผู้เข้าร่วมบางท่านมีความผิดเรื่องใด ในส่วนของความผิดไม่แจ้งว่ามีการจัดให้มีการชุมนุมมีผู้ที่เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดีประมาณ 16 คน ส่วนกรณีที่บุกรุกที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ท้องสนามเปิดบริการประชาชนทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. มีทางเข้า-ออก 7 ช่องทาง หลังจากเลิกการชุมนุมประท้วงที่ท้องสนามหลวงแล้ว กทม.นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาด สิ่งแวดล้อม เทศกิจ และสำนักบรรเทาสาธารณะภัย ทำความสะอาดเคลียร์พื้นที่ ตรวจสอบความเสียหาย และจัดการซ่อมแซม จากการตรวจสอบพบทรัพย์สินเสียหาย ได้แก่ รั้วเหล็กสีเขียว 7 แผง กุญแจใช้คล้องรั้วเหล็กให้ติดกันเป็นแผงจำนวน 92 ดอก พื้นปูนซีเมนซ์กลางสนามหลวงถูกขุดเจาะขนาดกว้าง 1 ฟุต ยาว 1 ฟุต มีแผ่นโลหะสีเหลืองฝังอยู่ ที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบอาจจะมีต้นไม้สนามหญ้า คิดเป็นจำนวนเงินไม่มาก ถ้าพบเพิ่มเติมก็จะมอบหมายให้ผอ.เขตพระนคร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับแกนนำผู้ชุมนุมหรือผู้กระทำผิด เบื้องต้นแจ้งความไว้ที่สน.ชนะสงคราม ข้อหาทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะโยชน์
ด้าน นายสถาพร เที่ยงธรรม ผอ.กองโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวว่า สนามหลวงเป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ การนำหมุดไปติดตั้งหมุดดังกล่าวไม่ได้มีประวัติเกี่ยวข้องกับพื้นที่หรือสนามหลวง ฉะนั้นการนำมาติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร มีความผิดตามพ.ร.บ.โบราณสถาน ม.4 ห้ามผู้ใดซ่อมแซมแก้ไขเปลี่ยนแปลงรื้อถอนต่อเติมทำลายเคลื่อนย้ายโบราณสถาน ส่วนต่างๆของโบราณ หรือขุดค้นสิ่งใดๆ หรือปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถาน ตนได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมศิลปากร ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี ที่สน.ชนะสงคราม เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกระทำการในพื้นที่โบราณสถานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร
