‘ณัฏฐพล’ ตั้งเป้าเพิ่มครูสอนภาษาอังกฤษ-จีน ให้เด็กปฐมวัย
เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมมอบนโยบายและแนวปฏิบัติในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย ที่ตนเป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาของเด็กปฐมวัยทั่วประเทศให้รับทราบถึงแนวทางและนโยบายที่ ศธ.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาชีวศึกษา การพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ต้องวางรากฐานให้มีความเข้มแข็ง และการพัฒนาการศึกษาพิเศษ ทั้ง 3 ส่วนนี้ เป็นพื้นฐานสำคัญของการแก้ไขปัญหาหลายเรื่องให้กับประเทศ ซึ่งในส่วนปฐมวัย หากเราค้นพบเด็กที่มีพัฒนาการช้า หรือพบเด็กที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญในหลายๆ เรื่อง เราสามารถลงทุนช่วยพัฒนาเด็กในช่วงนี้จะคุ้มค่ามากกว่าที่จะปล่อยให้เด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้วไปเป็นภาระที่เราไม่มีกำลังแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้ความสำคัญมาก ส่วนการวางรากฐานอื่นๆ ตั้งใจจะเพิ่มครูภาษาต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้กับสถานพัฒนาเด็กเล็กภายในปีการศึกษา 2563 แต่อาจจะติดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่เชื่อว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถสอนทดแทนครูต่างชาติได้ เพียงแต่ต้องพัฒนาและอบรมครูให้สามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้ สาเหตุที่ควรสอนภาษาอังกฤษและจีนให้กับเด็กปฐมวัยนั้น เพราะเด็กมีพื้นฐานที่สามารถรับรู้ภาษาได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
“ส่วนการพัฒนาครูปฐมวัยนั้น จะอบรมครูอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครูสามารถค้นพบเด็กที่มีพัฒนาการช้า และในอนาคตครูทุกคนต้องมีทักษะความรู้ที่จะค้นพบเด็กที่มีพัฒนาการช้า รวมทั้งการสร้างทักษะทางความคิด การสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก ให้เด็กกล้าแสดงออกเป็นเรื่องที่สำคัญ การปรับเปลี่ยนวิธีการสอนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมายอมรับว่าคนไทยและเด็กอาจจะมีค่อยมีความมั่นใจในตนเอง และกล้าแสดงออกน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ส่วนหนึ่งมาจากการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยเพราะเราสอนให้เด็กอยู่ในระบบ อยู่ในไม้บรรทัดเดียวกัน วัดผลแบบเดียวกันห้ามออกนอกกรอบ ถ้าครูมีความเข้าใจจะสามารถผสมสานและปรับทักษะให้เด็กมีพัฒนาการในแนวทางที่ ศธ. อยากให้เป็นได้ โดยปรับทักษะให้เด็กทันกับโลกในปัจจุบัน” นายณัฏฐพลกล่าว
