‘สุภัทร’ถกสร้าง’อควาเรียมหอยสังข์’ เสนอ ‘ณัฏฐพล’ เคาะ 4 ทางเลือก ตั้งศูนย์เด็กเล็ก-โอน อบต.ดูแล
นายสุภัทร จำปาทอง รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้รับมอบหมายจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ให้ลงไปประเมินพื้นที่การจัดสร้างโครงการศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรืออควาเรียมหอยสังข์ จังหวัดสงขลานั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้นำผู้เชี่ยวชาญจากสภาสถาปนิกและกรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้าง จากการตรวจสอบพบว่า โครงสร้างหลักของอาคารไม่มีปัญหา มีบางจุดเป็นสนิมบ้าง วัสดุมุงหลังคาอาจมีการยืดหด เพราะทำตั้งแต่ปี 2556 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้จากการประเมินเบื้องต้น คิดว่าอาคารหลังดังกล่าวยังสามารถสร้างเป็นอควาเรียมได้ แต่ยังไม่สรุปว่า จะสร้างเป็นอควาเรียมตามเดิม หรือจะปรับไปเป็นแหล่งเรียนรู้อื่น ต้องหารือกับคณะทำงาน ซึ่งคาดว่าจะนัดประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้งในสัปดาห์นี้
“ทั้งนี้หากเดินหน้าสร้างเป็นอควาเรียม ก็ต้องมาพิจารณารายละเอียดเพราะเทคโนโลยีปัจจุบันเปลี่ยนไป ดังนั้น ก็ต้องดีไซน์การตกแต่งภายในใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งจากการประเมินราคาคร่าวๆ ต้องใช้งบประมาณเพิ่มกว่า 500 ล้านบาท แต่ตรงนี้เป็นข้อเสนอหนึ่ง โดยผมจะจัดทำข้อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณา อย่างน้อย 4-5 ทางเลือก พร้อมการประเมินราคา อาทิ สร้างเป็นอควาเรียมตามเดิม ปรับเป็นศูนย์นิทรรศการ ศูนย์กิจกรรมเด็กเล็ก คล้ายกับท้องฟ้าจำลอง หรือไม่ดำเนินการต่อ แล้วมอบให้ทางองค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) เข้ามาดูแล แต่ก็ต้องดูข้อกฎหมายและเงื่อนไขต่าง ๆ ประกอบ เพราะใช้งบประมาณของศธ.ไปแล้วพอสมควร มีการลงทุนซึ่งน่าจะใช้ประโยชน์ เพราะพื้นที่จุดดังกล่าวถือเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของจังหวัดสงขลา” นายสุภัทรกล่าว
นายสุภัทรกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการประชาพิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…. และร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา พ.ศ.หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาได้คัดร่างกฎหมายทั้งสองฉบับออกจากสารระบบการพิจารณา เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่ไม่มีการเสนอความเห็นเข้ามาตามเวลาที่กำหนดและส่งกลับมาให้ ศธ. ดำเนินการตามขั้นตอนนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องไปแล้วสองครั้ง และเตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นอีกในเดือนตุลาคม และเดือนพฤศจิกายน จากนั้นจะจัดทำความคิดเห็นเพิ่มเติมและสรุป ให้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนเพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ไม่เกินเดือนธันวาคม ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกครั้ง
