ปธ.อุตฯท่องเที่ยวตะวันออกชี้รัฐอัดโครงการวิธีกระตุ้นเเม้ดีเเต่เห็นผลระยะยาวเเนะลดภาระชำระหนี้

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคตะวันออกมองเศรษฐกิจภาคยังไม่ดีนัก ท่องเที่ยวทรุดยาว,การค้าสะดุดนักธุรกิจขาดเงินทุน,ชี้รัฐทำโครงสร้างพื้นฐานได้ดีแต่ต้องรอผลอีกนาน แนะลดภาระหนี้ ยืดชำระหนี้ ลดดอก,ระบุเลือกตั้งท้องถิ่นช่วยกระตุ้นได้ไม่เกิน 5%

เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่จังหวัดตราด นายพรชัย เขมะพรรคพงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคตะวันออก เปิดเผยกรณีที่รัฐบาลต้องออกมาตรการต่างๆมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมให้ขับเคลื่อนได้ รวมทั้งการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาในปลายปีนี้นั้น

ว่า  ธุรกิจท่องเที่ยวของภาคตะวันออกมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศและสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้นับแสนล้านต่อปี มีอยู่ที่จ.ชลบุรี เช่นพัทยา ที่จ.ระยอง ที่เกาะเสม็ด และที่จ.ตราด ที่เกาะช้าง และเกาะกูด ที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน รวมทั้งจังหวัดจันทบุรีที่เป็นจังหวัดทีภาคการเกษตรที่แข็งแรง นอกจากนี้ มีการค้าขายชายแดนผ่านทาง 3 จังหวัดภาคตะวันออก ที่มีมูลค่าส่องออกไปยังกัมพูชาปีละนับแสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดในจ.ระยอง และจ.ชลบุรี รวมทั้งปราจีนบุรี มีท่าเรือเพื่อการส่งออกที่รองรับสินค้าจากทั่วประเทศ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งจังหวัดในภาคตะวันออกทุกจังหวัดพบเชื้อไวรัสโควิด 19 ยกเว้นจังหวัดตราด ที่ไม่พบเชื้อ ซึ่งเป็นเหตุทำให้รัฐบาลต้องล๊อคดาวน์ และควบคุมการเดินทางระหว่างจังหวัด และการเดินทางระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2563 จึงผ่อนคลาย นั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจ การค้า และอุตสาหกรรมมาก

“ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นหลัก แต่เมื่อรัฐบาลปิดประเทศห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป โรงแรมในพัทยา ในแหล่งท่องเที่ยวที่ระยอง ที่จ.ตราดที่ต้องพึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในระดับ 4-5 ดาวก็ไม่มีนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมาก ต้องปิดตัว และปรับราคาเพื่อให้อยู่รอด เพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเพื่อสู้กับโรงแรมระดับ 2-3 ดาว ซึ่งราคาแทบจะไม่แตกต่างกันด้วยซ้ำ เพื่อสู้กับค่าใช้จ่ายมและดอกเบี้ยซึ่งต้องยอมรับว่า ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ไม่มีโควิด 19 นักท่องเที่ยวในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงไฮส์ซี่ซันโรงแรมจะเต็มไปตลอดถึงช่วงปีใหม่แล้ว ปีนี้น่าจะได้สัก 10-15% เท่านั้น นี่เป็นภาพรวมทั้งหมดของการท่องเที่ยวในภาคตะวันออก”

Advertisement

นายพรชัย กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกระตุ้นภาคธุรกิจด้วยการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศทั้งการให้เงินสนับสนุน หรือการใช้เป๋าตุง รวมทั้งเงินลดหย่อนภาษี 30,000 บาท ยอมรับว่า ในครั้งแรกอาจจะเกิดความยุ่งยาก และไม่เข้าใจในการใช้ เพราะต้องแจ้งก่อน 3 วัน แต่วันนี้เริ่มได้ผลมากขึ้น มีการเดินทางมาท่องเที่ยว และเกิดการกระจายรายได้มากขึ้นแล้ว ซึ่งน่าจะส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนห้องพัก และอัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกได้ชัดเจนอย่างน้อยที่คาดหวังไว้ น่าจะเพิ่มได้อีกกว่า 5% อย่างไรก็ตาม รายใหญ่เท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ ส่วนภาคธุรกิจอื่นๆน่าจะได้ประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน จากเดิมที่ได้รับผลกระทบมากเช่น ภาคการผลิต โรงงานที่ปลดคนงาน ปิดชั่วคราว กลับมาเปิดและมาผลิตได้แล้ว และจะค่อยๆเพิ่มขึ้น

“แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็วก็คือ ทำอย่างไรให้ภาคธุรกิจก้าวเดินอย่างเข้มแข็ง การให้สินเชื่อระยะสั้น หรือให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำยังไม่สามารถทำให้ธุรกิจยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากพอที่จะขยับได้ก็คือ รัฐบาลต้องให้ธนาคารพาณิชย์ลดภาระดอกเบี้ยของภาคธุรกิจให้มากกว่าที่เป็นอยู่ หรืออาจจะพักชำระหนี้ในระยะยาวที่เหมาะสม เช่น 1 ปี หรือ 2 ปี เป็นต้น เพื่อธุรกิจระดับกลางหรือระดับล่างได้เดินหน้าต่อไปได้ ท่ีผ่านมาธนาคารพาณิชย์ไม่เอื้อในเรื่องการผ่อนปรนสินเชื่อ และมักจะเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันกันมากในเรื่องระหว่างเงินฝากกับเงินกู้ เรื่องนี้รัฐบาลต้องสั่งการลงมา อย่างไงธนาคารพาณิชย์อยู่ได้อยู่แล้วแม้จะพักชำระหนี้นานถึง 3 ปี และรัฐบาลต้องติดและทำ และสั่งให้ดอกเบี้ยบัตรเครดิตลดลงเหลือ 10% และดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 3-5 % ซึ่งรัฐบาลต้องเล่นเป็นเพื่อไม่ให้ความสูญเสียมากกว่านี้”

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคตะวันออก กล่าวอีกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาตามที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้นั้น น่าจะทำได้ระดับหนึ่ง เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้ใช้จ่ายเงินมาก และอยู่นาน แต่ปัญหาก็คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เสี่ยงในเรื่องการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งเกาะช้าง น่าจะได้ประโยชน์มากเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่มีติดเชื้อโควิด 19 รวมทั้งระยอง ที่มีการจัดกิจกรรมดึงดูดและจำนวนห้องไม่มากเหมือนพัทยาที่มีมาก จึงอาจจะไม่เพียงพอ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการ เช่นสนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูงที่มาถึงจังหวัดระยอง หรือ การลงทุนอื่นๆในอีอีซีนั้น กลุ่มนี้จะเกิดผลในระยะยาวหรือ 5-10 ปี และจะเกิดผลในด้านการผลักดันการเติบโตมาก แต่ต้องรอ

Advertisement

ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจหรือไม่นั้น นายพรชัย สะท้อนว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภา มีการเลือกตั้งที่แข่งขันกันสูงเพียงระดับนายกอบจ.ซึ่งการใช้เงินในการหาเสียงก็ถูกจำกัดโดยกกต.ซึ่งจะใช้ได้ไม่มาก จังหวัดใหญ่ไที่มีการแข่งขันสูงอาจจะใช้เงินหาเสียงมาก แต่น่าจะไม่เกิน 20-50 ล้านบาทต่อจังหวัด แต่จังหวัดใหญ่ๆอย่างชลบุรี หรือระยอง น่าจะมีการใช้จ่ายเงินสูงกว่า ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจได้รับผลดีไม่มาก เพียงแต่จะกระจายลงไปในระดับล่าง อย่างไรก็ตาม หากเลือกตั้งท้องถิ่นพร้อมกันทั้ง นายกอบจ,สมาชิกสภา,เทศบาลและอบต.พร้อมกัน จะทำให้การกระตุ้นเครษฐกิจได้ดีกว่า การเลือกตั้งเพียงนายกอบจ.,สมาชิกสภาเพียงอย่างเดียว …

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image