เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รองผบช.ภ. 2 ฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างเข้มขึ้นมากขึ้น โดยย้ำว่าจะจัดการชุมนุมไม่ได้เด็ดขาด เพราะตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหากพบผู้กระทำผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งตามกฎหมายสามารถดำเนินคดีย้อนหลังได้ ซึ่งจะทำตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักสากลทั่วโลก
ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมาบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ภาพรวมการดูแลความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตำรวจจับกุมผู้ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯเพิ่มอีกจำนวน 7ราย ส่วนแกนนำหลักอีก 4-5 คน อาทินายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่ยังไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีนั้น มีฝ่ายสืบสวนติดตามอยู่แล้ว
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ตำรวจกำหนดพื้นที่ควบคุมการจราจรบางเส้นทาง และจะปิดการจราจรในเวลา 14.00 น. รวม 3 เส้นทาง คือ ถนนราชดำริ จากแยกราชประสงค์ถึงประตูน้ำ, ถนนเพลินจิต จากแยกราชประสงค์ถุงแยกชิดลม และ ถนนพระรามที่ 1 จากแยกราชประสงค์ ถึงแยกเฉลิมเผ่า ดังนั้นขอให้ประชาชนรวมถึงผู้ปกครองหลีกเลี่ยงเส้นทาง, ปรับเปลี่ยนการใช้ยานพาหนะรวมถึงปรับเปลี่ยนเวลาเดินทาง ส่วนผู้ที่ใช้บริการห้างสรรพสินค้าฝั่งถนนพระรามที่1 แนะนำให้ใช้ทางเข้า-ออกฝั่งถนนพระราม 1 และถนนพญาไท
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. ฝากเตือนไปยังสื่อมวลชนตลอดจนประชาชนที่ใช้โชเชียลมีเดียหรือสื่ออื่นๆ ให้ระมัดระวังการโพสต์ข้อความหรือแสดงความคิดความเห็น หากพบบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร กระทบต่อความมั่นคง นำไปสู่ความรุนแรงบานปลายจะมีความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงฯ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4หมื่นบาท และมีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯมีอัตราโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับ 2 รายชื่อผู้ถูกจับกรณีชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม วความผิดฐาน ชุมนุมมั่วสุมกันอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยฯ (ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย นายปัญญา เจริญทรัพย์ , นายนัดธชัย ขุนแข็ง, นายพรเทพ คงอินทร์ , น.ส.ธนิฐา กาวี, นายศักดิ์ชัย ศรีเมือง, นายธีรชัย จุติมงคลกุล และนายนฤชา จันทร์สุข
