บช.น.ชี้หลักฐานชัดรุมทุบรถคุมขังชิงผตห. เตือนแชร์ข้อมูลมั่วตำรวจทุบมีโทษ

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. แถลงการหลีกเลี่ยงเส้นทางการจราจร กรณีการชุมนุมสถานการณ์ทางการเมือง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีนโยบายชัดเจนให้ผู้บังคัญการ(ผบก.)และผู้กำกับการ(ผกก.)พื้นที่ตั้งกองอำนวยการร่วมในพื้นที่ที่มีการจัดงาน เช่นท่ามหาราช ซึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ก็จะมีการตั้งกองอำนวยการร่วมอยู่ที่ท่ามหาราช ส่วนหนึ่งดูแลประชาชนที่มาลอยกระทง ส่วนการชุมนุมที่คาดว่าอาจจะเกิดที่ มธ.ก็จะมีกองอำนวยการร่วมอีกส่วนหนึ่ง ภายใต้การดูแลของ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผบช.น.

ส่วนการทุบทำลายรถควบคุมผู้ต้องหาในพื้นที่ สน.ประชาชื่น ทาง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่าในส่วนนี้ประชาชนคงจะเห็นคลิปชัดเจนอยู่แล้ว มีกลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้ไม่หวังดี กลุ่มหนึ่งพยายามที่จะชิงตัวผู้ต้องหามีการนำรถจักรยานยนต์มากีดขวางการเคลื่อนตัวของรถควบคุมผู้ต้องหา กระทั่งตำรวจต้องตัดสินใจใช้รถควบคุมผู้ต้องหาดันรถจักรยานยนต์ดังกล่าวออกจากเส้นทาง นอกจากนั้นมีการพยายามใช้สิ่งต่างๆ เช่น หมวกกันน็อค แท่งเหล็ก ทุบทำลายรถควบคุมผู้ต้องหาในระหว่างทาง ขณะนี้ทาง พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.ประชาชื่น เรียกกองพิสูจน์หลักฐานกลาง มาตรวจร่องรอยความเสียหายและคงมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์สินทางราชการ อยู่ระหว่างการพิจารณาดูพฤติกรรมว่ากลุ่มผู้ชุมนุนมกลุ่มนั้นจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 215 สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือก่อให้เกิดเหตุร้ายในบ้างเมืองหรือไม่ ถ้าพยานหลักฐานไปถึงก็คงจะต้องมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ปรากฎข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเป็นการกล่าวร้ายการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ เช่น การใช้คำว่าใช้หมายจับที่หมดสภาพมาดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหา หรือมีการใช้กำลังทุบตีผู้ต้องหาคนหนึ่งคนใด จนได้รับบาดเจ็บหมดสติเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งข้อความเหล่านั้นเป็นข้อความอันเป็นเท็จ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและบก.ปอท. จะต้องดำเนินการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ฝากเตือนประชาชนที่ทราบข่าวแล้วอย่าเผยแพร่ ส่งต่อ ทำซ้ำ อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีการเจ็บป่วย ตำรวจก็ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน

Advertisement

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่าทั้งนี้ บช.น.จัดเตรียมกำลังตำรวจไว้จำนวน 7 กองร้อย และกองร้อยควบคุมฝูงชนหญิงอีก 1 กองร้อย ส่วนการประเมิณสถานการณ์ในวันนี้จะต้องดูการข่าวในภาคบ่ายอีกครั้ง นอกจากนี้พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นซ้ำว่า เมื่อเริ่มดำเนินคดีแล้ว คดีจะหยุดไม่ได้ จะต้องเดินไปตามขั้นตอนกระทั้งคดีสู่ศาล และคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้ามีการกระทำความผิดเรื่อยๆ เยอะๆ ต่อเนื่องกัน ก็อาจจะมีหมายเพิ่มขึ้นได้

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เนื่องจากบริเวณ มธ.มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร คาดว่าอาจจะมีเรื่องการชุมนุมส่วนหนึ่ง และเป็นเทศกาลลอยกระทงที่ท่ามหาราช รวมถึงการจัดงานที่ถนนข้าวสาร เพราะฉะนั้นบริเวณดังกล่าวอาจจะมีปริมาณการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น เส้นทางที่ได้รับผลกระทบบริเวณโดยรอบท้องพิธีสนามหลวง และ มธ. ซึ่งเส้นทางหลักๆ ที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ถนนราชดำเนินใน ถนนสนามไชย ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี ถนนท้ายวัง และถนนมหาราช แนะเส้นทางเลี่ยงสามารถใช้เส้นทางถนนราชดำเนินกลาง ถนนอัษฎางค์ ถนนบำรุงเมือง ถนนเจริญกรุง รวมถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 สะพานพระพุทธยอดฟ้า และสะพานพระปกเกล้า ยังใช้ได้เป็นปกติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image