รมช.เกษตรฯ นำทีมหน่วยงานในสังกัด เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบภัยหลังน้ำลด พร้อมแจง 7 โครงการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย

รมช.เกษตรฯ นำทีมหน่วยงานในสังกัด เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบภัยหลังน้ำลด พร้อมแจง 7 โครงการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมชี้แจงมาตรการแนวทางในการช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรหลังน้ำลด และมาตรการภายใต้โครงการลดรายจ่ายสร้างรายได้สำหรับเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง 2563/2564 ณ โรงแป้งมันสำปะหลังเอี่ยมธงชัย ตำบลงิ้ว อำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง อาทิ กรมปศุสัตว์ กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมชลประทาน เป็นต้น โดยมีเกษตรกรจากหลายอำเภอที่ประสบภัยเข้าร่วมรับฟัง 1,000 คน ในการนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ ณ อ่างเก็บน้ำลำเชียงสา อ.วังน้ำเขียว จ.นครรชสีมา ตลอดจนพบปะและให้กำลังใจแก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย

นายประภัตร กล่าวว่า จากสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่พืชผลการเกษตร ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และจังหวัดสุราษณ์ธานี (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ย.63) ขณะนี้ได้รับรายงานว่าจังหวัดนครราชสีมามีพื้นที่การเกษตรด้านพืชคาดว่าเสียหาย 198,356 ไร่ 23 อำเภอ 146 ตำบล 1,096 หมู่บ้าน เกษตรกร 48,737 ราย โดยเบื้องต้นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ มีหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ คือ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ก่อนเกิดภัย และช่วยเหลือเกษตรกรตามจำนวนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจริง ทั้งนี้ไม่เกิน 30 ไร่ อัตราการช่วยเหลือด้านพืช แบ่งเป็น ข้าว อัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่นๆ อัตราไร่ละ 1,690 บาท

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการเสริมสร้างรายได้และลดรายจ่ายให้แก่เกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2563/64 จำนวน 7 โครงการ โดยเตรียมนำเสนอ ครม. พิจารณา ดังนี้ 1) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สนับสนุนเงินให้แก่เกษตรกร 1,500 บาท/ไร่ รายละไม่เกิน 10 ไร่ เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3.5 กก./ไร่ และปัจจัยการผลิต 870 บาท/ไร่, ถั่วเขียว สนับสนุน 1,200 บาท/ไร่ ไม่เกิน 10 ไร่ เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว 5 กก./ไร่ และปัจจัยการผลิต 1,000 บ./ไร่ 2) โครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมงในบ่อดิน (ปลาดุก, ปลาตะเพียนขาว) สนับสนุนพันธุ์ปลาดุก 3,000 ตัว อาหารสัตว์น้ำสำเร็จรูป 60 กก. (3 กระสอบ), สนับสนุนพันธุ์ปลาตะเพียนขาว 5,000 ตัว อาหารสัตว์น้ำนำร่อง 120 กก. (3 กระสอบ) 3) โครงการเพิ่มผลผลิตกุ้งก้ามกรามในแหล่งน้ำชุมชน จำนวน 200,000 ตัว/แห่ง ค่าอาหารสัตว์น้ำสำเร็จรูป 200 กก. (10 กระสอบ) และจัดเตรียมพื้นที่สำหรับปล่อยและจัดทำแหล่งอาศัย

ADVERTISMENT

4) โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีกในฤดูแล้ง ปี 2564 สนับสนุนพันธุ์สัตว์ปีก รายละ 5,000 บาท ได้แก่ ไก่พื้นเมือง เป็ดไข่ เป็ดเทศ ไก่ไข่ ไก่ชน และไก่เนื้อ 5) โครงการส่งเสริมปลูกพืชอาหารสัตว์ สนับสนุนเงินอุดหนุนให้เกษตรกร จัดหาปัจจัยการผลิตและวัสดุ เพื่อปรับปรุงแปลงพืชอาหารสัตว์ ในอัตรา 3,000 บาท/ไร่ รายละไม่เกิน 5 ไร่ หรือ รายละ 15,000 บาท 6) โครงการสร้างรายได้และพัฒนาอาชีพการเกษตรให้แก่สมาชิกสถาบันเกษตรกร โดยสนับสนุนปั๊มน้ำ โรงเรือน ปัจจัยการผลิตและอุปกรณ์ตลาด รวมทั้งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ และ 7) โครงการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยให้เกษตรกรรวมกลุ่ม เพื่อให้ความรู้การแปรรูผลิตผลทางการเกษตรแก่เกษตรกร และสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูป กระบวนการผลิต คุณภาพมาตรฐาน และบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งส่งเสริมการตลาดทั้ง online และ offline (ตลาดเกษตรกร)

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย จึงได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งเข้ามาดูแลช่วยเหลือและส่งเสริมเพื่อให้เกษตรกรได้มีอาชีพ รายได้หลังน้ำลด โดยวันนี้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันแก้ปัญหา และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งสำรวจข้อมูลพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ และเกิดความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วม เชื่อว่าภายในเดือนธันวาคมจะสามารถจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรได้” นายประภัตรกล่าว