เงินเฟ้อต.ค.ลบ0.50% ลดต่อเดือนที่8 พณ.ชี้ทิศทางฟื้นชัดและมาตรการรัฐไม่กระทบ

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนตุลาคม 2563 เพิ่มขึ้น 0.05% จากเดือนกันยายน2563 แต่ลดลง 0.50%เทียบกับเดือนตุลาคม2562 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 นับตั้งแต่เดือนมีนาคม และอัตราติดลบน้อยลงด้วย สะท้อนเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจน แต่ยังไม่ฟื้นเร็ว ทำให้เงินเฟ้อ 10 เดือนของปี 2563 ลบ 0.94% และเงินเฟ้อพื้นฐาน(หักสินค้าอาหารสดและพลังงาน) ลดลง 0.02% เทียบกับเดือนกันยายน 2563 และเพิ่มขึ้น 0.19% เทียบกับเดือนตุลาคม 2562 ทำให้ 10 เดือนแรกเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.31%

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า สาเหตุทำให้เงินเฟ้อฟื้นตัวดีขึ้น จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.57% เช่น เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่และสัตว์น้ำ เพิ่ม 3.53% ผักสด เพิ่ม 13.54% จากผลกระทบของฝนตก น้ำท่วม ทำให้ผลผลิตเสียหาย ผลไม้สด เพิ่ม 0.33% เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 2.54% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 0.94% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 0.44% นอกบ้าน เพิ่ม 0.68% แต่ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 1.76% ไข่และผลิตภัณฑ์นม ลด 1.20% ขณะที่กลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.70% สินค้าหลักคือ น้ำมันเชื้อเพลิง ลด 13.82% ค่าโดยสารสาธารณะ ลด 0.01% การสื่อสาร ลด 0.03% เคหสถาน ลด 0.21% การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ลด 0.08% บันเทิง การอ่าน การศึกษา ลด 0.24% โดยเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เพิ่ม 0.21% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 0.07% แม้ราคาหมวดอาหารสด อาหารปรุง เพิ่มขึ้นแต่ราคาน้ำมันยังไม่สูงมากเท่าปีก่อน ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ราคาสินค้าส่วนใหญ่ทรงตัวถึงลดลง จึงไม่กดดันต่อเงินเฟ้อ

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า สำหรับผลจากมาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเพิ่มวันหยุดยาว โครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน และช้อปดีมีคืน นั้น พบว่า ไม่มีผลกระทบต่อราคาสินค้าให้แพงขึ้น แต่กระตุ้นการใช้จ่ายช่วงที่เหลือของปีนี้ ประกอบกับผู้ผลิตผู้จำหน่ายแข่งขันลดราคา เพื่อดึงดูดผู้บริโภคซื้อสินค้า ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับผู้ประกอบการลดราคาสินค้าล็อต 7 อีก 13,700 รายการ

“คาดช่วงที่เหลืออีก 2 เดือน ยังติดลบอยู่แต่ลบน้อยลง ทำให้ไตรมาส 4 ลบ 0.4% และทั้งปี 2563 จะติดลบอยู่ในเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือ ลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% ค่ากลางอยู่ที่ลบ 1.1% แต่น่าจะติดลบแค่ 0.85% ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ราคาพลังงาน ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อาจเป็นแรงกดดันต่อเงินเฟ้อให้ติดลบเพิ่มขึ้นได้ ” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image