อาคม เล็งชงครม. ตั้งคณะกก.เร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ กระตุ้นศก. คงหน้าที่ธนาคารกรุงไทยเป็นหน่วยงานรัฐเหมือนเดิม

วันที่ 9 พฤศจิกายน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปยังกรมบัญชีกลางเพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและมอบหมายนโยบาย

นายอาคม กล่าวว่า ได้มอบหมายใน 2 ประเด็น คือ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2564 ของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้ง การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยยังชีพคนพิการ เป็นต้น ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการจัดตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ เน้นการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง โดยตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2564 ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ 100% และในส่วนหน่วยงานราชการไม่น้อยกว่า 95% และด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเสนอ ที่ประชุมครม.ให้แก้ไข พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบจัดซื้อจัดจ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเบิกจ่ายงบประมาณได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

นายอาคม ยังกล่าวถึงสถานะธนาคารกรุงไทยที่พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจว่า ธนาคารกรุงไทยไม่ถือเป็นรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดิน แต่ในกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ธนาคารกรุงไทยยังคงเป็นหน่วยงานของรัฐ เนื่องจากผู้ถือหุ้นในธนาคารกรุงไทยยังเป็นกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ได้มีการเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ให้ธนาคารกรุงไทยยังคงมีหน้าที่ในฐานะหน่วยงานของรัฐเหมือนเดิม เพราะยังคงทำหน้าที่เป็นกลไกของรัฐในการดูแลโครงการต่างๆ เช่น การจ่ายเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนความเป็นสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของธนาคาร ตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จะต้องเข้าไปดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนการเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่จะเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งในช่วงต้นปี 2564 โดยสิทธิประโยชน์หรือเงื่อนไขยังคงเหมือนเดิม

ส่วนของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลังมอบแก่ประชาชน นายอาคม กล่าวว่า มาตรการที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมของทีมทำงานกระทรวงการคลัง

Advertisement

กรณีผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่นายโจ ไบเดน มีคะแนนนำนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขาดลอย และเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46 นั้น นายอาคมกล่าวว่า ขอดูความชัดเจนของนโยบายนายโจ ไบเดนหลังได้รับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน จึงค่อยเตรียมแผนรับมือ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นที่นายโจ ไบเดนวางนโยบายในช่วงการหาเสียง เช่น นโยบายเศรษฐกิจ บาย อเมริกัน (Buy American) การขึ้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับภาษีนิติบุคล ส่งผลให้เกิดการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงไทยด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image