นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย สมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ เดือนพฤศจิกายน 2563 ปรับลดลงจากเดือนตุลาคม 2563 จากระดับ 59.31จุด มาอยู่ที่ระดับ 58.50 จุด ลดลง 0.81 จุด หรือคิดเป็น 1.37% ปัจจัยทำให้ดัชนีลดลง สาเหตุจากแรงขายทองคำจากธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลก การพัฒนาและคิดค้นวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเลือกตั้งในสหรัฐฯ และแรงขายเก็งกำไรของกองทุน
คาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 จากกลุ่มตัวอย่าง 335 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 43.28 คาดว่าจะซื้อทองคำ ขณะที่ร้อยละ 41.79 ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำ และร้อยละ 14.93 ยังไม่ซื้อทองคำ และจากสำรวจผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำจำนวน 12 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายน 2563 จะเพิ่มขึ้น 6 ราย และคาดว่าจะลดลง 4 ราย ส่วนที่คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำเดือนตุลาคม มี 2 ราย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมองต่อ Gold Spot กรอบเฉลี่ย 1,829 – 1,977 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% กรอบเฉลี่ย 27,000 – 29,000 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาท ทองคำ และค่าเงินบาทไทยกรอบเฉลี่ย 30.18 – 31.54 บาทไทย ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยหนุนคือแนวโน้มเชิงบวกหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีนายโจ ไบเดน ได้รับเสียงข้างมาก จึงคงมีเชื่อความมั่นต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมทั้งยังคงติดตามความชัดเจนเรื่องของนโยบายการช่วยเหลือผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังมองว่าความผันผวนคงระดับสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาซื้อขาย ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน โดยประกาศราคาปรับขึ้นเพียง 1 ครั้ง จำนวน 100 บาทต่อบาททองคำ โดยทองคำแท่งราคารับซื้อ 26,850 บาท ราคาขายออก 26,950 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ26,363.24 บาท ราคาขายออก 27,450 บาท อิงราคาทองโลก 1,889.50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และอัตราแลกเปลี่ยน 30.17 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ แม้ในแต่ละวันจะมีการปรับราคาขึ้นและลง แต่หากหักลบกันแล้วพบว่าราคาจะเป็นทิศทางขาขึ้น แบบคงที่เฉลี่ย 100 บาทต่อวัน