นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ผ่านโครงการคนละครึ่งและโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย นั้น ถือว่ารัฐบาลมาถูกทาง พบว่า เป็นโครงการที่ได้รับความนิยมของประชาชนที่ได้รับสิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เกิดมูลค่าการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจแล้วกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ประเมินได้ว่าโครงการคนละครึ่งเฟสแรกที่จะสิ้นสุดเดือนธันวาคมนี้ จะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย 6-7 หมื่นล้านบาท รวมกับมาตรการกระตุ้นผ่านโครงการอื่นๆจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัดเจนตั้งแต่ปลายไตรมาส4/2563 ถึงต้นปี 2564
” แต่การจะกระตุ้นใช้จ่ายและเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง รัฐบาลควรต่ออายุโครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน และมาตรการเสริมต่างๆเพื่อกระตุ้นกำลังใช้จ่ายต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดจะหมดลง ที่ประเมินกันว่ากว่าจะมีวัคซีนและจำหน่ายได้แพร่หลายคนใช้เวลากว่า 1 ปีนับจากนี้ หลายฝ่ายจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเท่าก่อนเกิดโควิด-19 อย่างเร็วก็ไตรมาส3/2565 ดังนั้น มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อควรทำต่อเนื่องทุก 3 เดือน โดยโครงการคนละครึ่งในเฟส 2 ควรต่อจากโครงการเฟสแรกทันที อาจขยายเวลาใช้สิทธิเป็น 6 เดือนจากเดิม 3 เดือน และเพิ่มจำนวนผู้ได้สิทธิเป็น 15-20 ล้านคน ” นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันรัฐต้องเร่งดูแลในภาคธุรกิจควบคู่ไปด้วย ทั้งการลดภาระและต้นทุนผู้ประกอบการ เร่งลดอุปสรรคให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน และลดระเบียบที่เป็นอุปสรรค โดยขณะนี้สอท. ก็เร่งรัฐใน 2 ส่วนหลักคือ การดูแลสภาพคล่องธุรกิจ และ รณรงค์เมดอินไทยแลนด์ โดยการซื้อและใช้สินค้าหรือวัตถุดิบในประเทศ โดยมีการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมให้ธุรกิจ รวมถึงเร่งรัดให้รัฐเร่งเจรจาเปิดการค้าเสรี(เอฟทีเอ) เพื่อจูงใจการลงทุนจากต่างชาติและไม่เสียเปรียบประเทศคู่แข่งในอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม ที่มีการเปิดเสรีการค้ากับ 53 ประเทศ มากกว่าไทยถึง 35 ประเทศ และกลายเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกแซงไทยแล้ว
” ที่เราต้องเร่งเพราะหลังโควิด เชื่อว่าจะมีการย้านฐานผลิตและหาแหล่งผลิตใหม่ๆมากขึ้น นักลงทุนเขาต้องดูว่าประเทศใดที่ได้แต้มต่อในเรื่องสิทธิพิเศษด้านภาษี ต้นทุนต่ำกว่า และเป็นคู่พันธมิตรการค้าและการลงทุนไปสหรัฐและยุโรป ซึ่งเวียดนามได้เปรียบไทยมากแล้วในเรื่องนี้ หากไทยยังเปิดประเทศล่าช้าและยังช้าในเรื่องการทำข้อตกลงกับนานาประเทศ ไม่เกิน4-5 ปีจากนี้ ทุนนอกและการส่งออกไทยจะเสียให้กับเวียดนามอย่างรุนแรงมากขึ้น ” นายเกรียงไกร กล่าว