นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุขประกาศเตรียมความพร้อมแล้วในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทย และมีเป้าหมายเบื้องต้น 10 ล้านคน ในปี 2564 นั้น ตนเชื่อว่าทุกภาคเอกชนเห็นด้วยกับเรื่องที่รัฐบาลไทยจะทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในไทยได้ ซึ่งเห็นแล้วว่าไทยมีศักยภาพควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19ได้ดีมาตลอด ส่วนที่ยังเจอการติดเชื้อรายวัน แต่ก็เป็นคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศและส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ หรือได้สัมผัสกับคนต่างประเทศที่เดินทางมาไทย
และเชื่อว่ารัฐมองเรื่องความสมดุลผลกระทบที่ภาคธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีเป็นล้านคนประสบปัญหาจากการขาดรายได้และปิดตัวกิจการเพิ่มขึ้น กับการตัวเลขการติดเชื้อโควิดในไทย อีกทั้งที่ผ่านมาการปิดประเทศการล็อกดาวน์ธุรกิจประสบปัญหา โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว แม้รัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือ และแคมเปญกระตุ้นไทยเที่ยวไทย แต่รายได้ที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจทดแทนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทั้งหมด หลายฝ่ายเชื่อว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แม้เป้าหมายมองไว้ 10 ล้านคน ซึ่งเป็นสัดส่วน 25% ของปี 2562 แต่ก็จะพยุงธุรกิจและเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง
“แต่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนตัวผมมองว่า ควรเลยช่วงพีคการเฉลิมฉลองปีใหม่ หรือเลยเคาต์ดาวน์ปีนี้ไปก่อน อาจทยอยเปิดกลางเดือนมกราคม โดยในเวลาก่อนหน้านั้นซักซ้อมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่มีหลายเรื่องเกี่ยวข้อง ทั้งด้านสาธารณสุข ด่านตรวจคนเข้าเมือง สนามบิน ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ยังต้องให้ความสำคัญและเข้มงวดต่อการใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเข้มงวดให้ต่างชาติปฎิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ไม่มีการอภิสิทธ์หรือวีไอพี อย่างที่ในไทยตอนนี้ก็เริ่มเห็นการ์ดตก และสแกนแอพพ์ไทยชนะน้อยลง ผมกลัวว่า หากเราไม่ป้องกันให้ดี จะทำให้เกิดการกลับมาแพร่ระบาดรอบ 2 อย่างรุนแรง เหมือนหลายประเทศในยุโรป ผมเชื่อว่าเมื่อไทยประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวจะมีกลุ่มหนีหนาวเข้าไทยจำนวนมาก” นายเกรียงไกรกล่าว