เปิดไทม์ไลน์ ตร.ฉีดน้ำแรงดันสูง-ยิงแก๊สน้ำตา ม็อบชนม็อบ 17 พ.ย.

เปิดไทม์ไลน์ ตร.ฉีดน้ำแรงดันสูง-ยิงแก๊สน้ำตา ม็อบชนม็อบ 17 พ.ย.

09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดถนนรอบรัฐสภา ได้แก่ ถนนทหาร ถนนประชาราษฎร์สาย 1 และถนนสามเสน ปิดทางเข้าท่าน้ำเกียกกาย ตั้งแท่งปูนแบริเออร์ ลวดหนามหีบเหล็ก 3 ชั้น นำรถโดยสาธารณะปรับอากาศจอดขวาง ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม พร้อมกลุ่มคนสวมใส่เสื้อเหลืองรวมตัวใกล้รัฐสภา เตรียมยื่นหนังสือคัดค้านแก้รัฐธรรมนูญ แต่เจ้าหน้าที่ประกาศเป็นพื้นที่ห้ามชุมนุม จึงขยับไปบนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ต่อมา กลุ่มเสื้อเหลืองย้ายไปปักหลักบนถนนทหารฝั่งใกล้แยกเกียกกาย มีการผลัดกันปราศรัย มีรถบัสบรรทุกคนเสื้อเหลืองราว 10 คันมาสมทบอย่างต่อเนื่อง

12.00 น. กลุ่มราษฎรทยอยรวมตัวมากขึ้นตามลำดับบนถนนทหาร มุ่งหน้ากองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน โดยมีรถประจำทาง รถฉีดน้ำ และลวดหนามกีดขวางบริเวณแยกเกียกกายมุ่งหน้ารัฐสภา

13.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังหน้าบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ ถนนสามเสน ก่อนถึงรัฐสภา 150 เมตร วางแท่งปูน ลวดหนาม และมีรถฉีดน้ำประจำการ

Advertisement

14.10 น. การ์ดกลุ่มราษฎรใช้คีมตัดลวดหนาม เพื่อจะเข้าไปใกล้รัฐสภา พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 สั่งนำรถฉีดน้ำประชิดแนวประกาศเตือนให้หยุด ก่อนฉีดน้ำใส่เป็นระยะๆ รวม 3 ครั้ง

14.23 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนใส่หน้ากากกันแก๊สน้ำตาประชิดแนวกั้น กลุ่มราษฎรปาพลุสี มีกลิ่น และกลุ่มควันใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.อ.อรรถวิทย์ ขอเจรจากับหัวหน้าการ์ด เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเตรียมกระสุนยาง และแก๊สน้ำตาพร้อมใช้งาน

15.20 น. การเจรจากว่า 1 ชั่วโมง ไม่เป็นผล นายจตุภัทร์ บุญภัทร์รักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน พยายามฝ่าแนวกั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงฉีดน้ำเป็นครั้งที่ 4 โดยครั้งนี้มีการผสมแก๊สน้ำตา จากนั้นมีคำสั่งให้ขว้างแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มราษฎรถนนประชาราษฎร์สาย 1 เปียกแฉะ กลิ่นแก๊สน้ำตาคลุ้ง ทำให้แสบผิว ตา จมูก และคอ

16.00 น. เป็นต้นไป ส.ส., ส.ว.และเจ้าหน้าที่สภา ทยอยเดินทางออกจากสภาโดยเรือของกองทัพเรือที่ท่าเรือวัดแก้วฟ้าจุฬามณี

16.45 น. กลุ่มราษฎรแล่นเรือประกบเรือตำรวจน้ำที่จอดรอรับ ส.ส., ส.ว.และข้าราชการ บางส่วนพยายามขึ้นเรือลำดังกล่าวเพื่อเข้ารัฐสภา แต่โดนสกัด เจ้าหน้าที่ตำรวจเปลี่ยนแผนลำเลียงคนไปลงเรือที่ท่าเรือบุญรอดฯ แทน ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่แยกเกียกกาย รถฉีดน้ำแรงดันสูง 3 คัน ระดมฉีดน้ำใส่กลุ่มราษฎรที่ปาสี และขวดน้ำข้ามรถประจำทางซึ่งจอดขวางหน้าลวดหนาม

17.07 น. กลุ่มราษฎรฝ่าแนวกั้นสำเร็จ วิ่งกรูเข้าสู่แยกเกียกกาย มุ่งหน้ารัฐสภา โดยมีการ์ดราษฎรกว่า 10 คน ยืนกั้นเป็นแนวกันมวลชนสองฝั่งปะทะ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หญิงวัยกลางคนในกลุ่มเสื้อเหลืองประกาศว่า “ใครพร้อมสู้ออกมาเลย” และบอกชายคนหนึ่งให้ขี่จักรยานยนต์ไปบอกเพื่อนพาผู้ชายออกมา กลุ่มคนเสื้อเหลืองประกาศให้ “ชลบุรี ลุย” ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มที่ประจำการบริเวณรั้วเหล็กหน้ากลุ่มเสื้อเหลืองกล่าวว่าจะถอยร่นใน 1 นาที หลังจากนั้นเพียง 3 วินาที ตำรวจถอยร่นออกจากกลุ่มเสื้อเหลือง รถน้ำเคลื่อนตัวมาจากถนนสามเสนฝั่งรัฐสภา มุ่งหน้าเลี้ยวเข้าถนนทหาร ฝั่งกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กลุ่มราษฎรบางส่วนปาขวดพลาสติกใส่รถน้ำ

17.11 น. กลุ่มเสื้อเหลืองปาสิ่งของ และหินใส่รถน้ำด้วย กลุ่มราษฎร และกลุ่มเสื้อเหลืองขว้างสิ่งของใส่กัน ทหารเปิดให้กลุ่มเสื้อเหลืองเข้าไปหลบ บางส่วนวิ่งเข้าซอยวัดใหม่ทองเสน ไปหยิบขวดแก้วที่กองขยะ มาปาใส่กลุ่มราษฎร นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ประกาศให้กลุ่มราษฎรหยุดปาสิ่งของ และถอยออกมา แกนนำกลุ่มเสื้อเหลืองยกมือ ตะโกนว่า “เราหยุดแล้ว คนไทยไม่ฆ่ากัน” สถานการณ์เข้าสู่ความสงบ รถปราศรัยกลุ่มราษฎรเข้าสู่ถนนสามเสน

17.30 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ กล่าวกับแกนนำว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจขอ 3 คนไปเจรจา กลุ่มราษฎรจึงส่งนายพริษฐ์ นายภาณุพงศ์ และแอม บัณฑิตมหาวิทยาลัยศิลปากรไปเจรจา แต่รถฉีดน้ำบนถนนสามเสนยังฉีดน้ำ และแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่อง

17.47 น. กลุ่มราษฎรประกาศให้ส่งลวดสลิงไปแนวหน้าเพื่อลากรถประจำทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังยิงแก๊สน้ำตา กลุ่มราษฎรล่าถอย ก่อนเร่งลากรถ โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจยังฉีดน้ำ และยิงแก๊สน้ำตาขณะลากรถ

17.50 น. นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท แกนนำเครือข่ายนนทบุรี และกลุ่มราษฎรรวม 2 คนที่เดินทางมากับเรือจากท่าน้ำนนท์มายังท่าเรือเกียกกาย สวมห่วงยาง กระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ายไปขึ้นฝั่งที่โป๊ะด้านหลังรัฐสภา ชูป้าย “หยุดคุกคามประชาชน” ก่อนเข้ารัฐสภา วิ่งไปห้องอาหารริมน้ำซึ่งเป็นอุโมงค์ทางลงชั้นใต้ดิน สูง 2 ชั้น ตะโกนเรียกหานายชวน หลีกภัย ประธานสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 รายเข้าพูดคุย และเดินไปส่งนายชินวัตรที่ประตูทางออกท่าเรือเกียกกาย

18.33 น. กลุ่มราษฎรลากรถประจำทางสำเร็จ 1 คัน โดยเคลื่อนย้ายออกไปยังแยกเกียกกายสำเร็จ ฝ่าแนวกั้นเคลื่อนตัวไปยังรัฐสภา

18.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเสริมอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ได้แก่ ปืนยิงแก๊สน้ำตา และปืนยิงกระสุนยาง ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน บริเวณแยกเกียกกายฝั่งมุ่งหน้าวัดแก้วฟ้าจุฬามณี กลุ่มราษฎรนำโดยนายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน เจรจาให้เจ้าหน้าที่ปล่อยผู้ชุมนุม 20 ราย ที่ถูกจับตัวไปก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าปล่อยตัวไปแล้ว

19.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.พร้อม พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.และ พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุมนุม

19.30 น. หลังกลุ่มราษฎรฝ่าแนวกั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปักหลักเต็มพื้นที่หน้ารัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจึงถอยร่นมาตรึงกำลังบริเวณประตูทางเข้ารัฐสภา พบว่าการ์ดราษฎรบาดเจ็บจากกระสุนยาง มีแผลที่ลำตัว และแขนหัก นำส่งโรงพยาบาล

19.32 น. แกนนำกลุ่มราษฎรตะโกนให้มวลชนถอยห่างจากแยกเกียกกายเพราะแก๊สจากรถประจำทางที่เคลื่อนย้ายออกมาเกิดรั่ว ห้ามสูบบุหรี่ ให้ดับเครื่องยนต์ มวลชนจึงวิ่งหนีจ้าละหวั่น จากนั้นให้เปิดทางรถดับเพลิงเข้าพื้นที่

20.15 น. เกิดเสียงคล้ายเสียงปืน หลายครั้ง แต่ไม่มีการยืนยันว่าเป็นเสียงปืน ประทัด หรือระเบิดปิงปอง ต่อมามีการหามผู้บาดเจ็บเข้าไปยังเต็นท์ปฐมพยาบาล บริเวณแยกเกียกกาย ตรงข้ามกรมการอุตสาหกรรมทหารอย่างต่อเนื่อง

20.30 น. กลุ่มราษฎรกับกลุ่มเสื้อเหลืองปะทะกันเป็นครั้งที่ 2 โดยเกิดเหตุบริเวณแยกเกียกกาย บนหัวมุมถนนทหาร ซึ่งเป็นที่ปักหลักของกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองที่ยังหลงเหลืออยู่บางส่วน โดยมีการขว้างปาขวดน้ำใส่กัน ต่อมากลุ่มเสื้อเหลืองถอยร่น

20.55 น. เกิดเสียงดังปัง! ขึ้นอีกครั้ง แกนนำกลุ่มราษฎรประกาศให้มวลชนถอยออกมา

20.41 น. นายอานนท์ นำภา ประกาศว่ามีผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรได้รับบาดเจ็บหลายราย รายหนึ่งถูกกระสุนปืนยิงที่ขา ต่อไปนี้ไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น ประกาศนัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 18 พฤศจิกายน ทันทีที่แยกราชประสงค์

21.00 น. กลุ่มราษฎรประกาศยุติการชุมนุม ทั้งนี้ ศูนย์เอราวัณรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บ ล่าสุดจากการตรวจสอบ พบว่า มีผู้บาดเจ็บรวม 55 ราย แบ่งเป็น อาการบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา 32 ราย ถูกยิง 6 ราย แยกที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 37 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎ 5 ราย โรงพยาบาลพระรามเก้า 4 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 4 ราย โรงพยาบาลรามา 1 ราย โรงพยาบาลเพชรเวช 1 ราย โรงพยาบาลกลาง 1 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 1 ราย โรงพยาบาลมิชชั่น 1 ราย รวม 55 ราย ในจำนวนผู้บาดเจ็บ แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ 2 ราย ที่เหลือเป็นประชาชน โดยยังรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ 4 ราย บาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา 32 ราย ถูกยิง 6 ราย

ขอบคุณภาพ สำนักข่าวเอพี และสำนักข่าวรอยเตอร์ส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image