‘ทวี’ ชี้ กม.เข้าชื่อแก้ไข รธน. จาก’สายลมประชาธิปไตยเปลี่ยนเป็นพายุประชาธิปไตย’

 

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ(ปช.)โพสต์เฟซบุ๊กถึงการประชุมการลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับหรือไม่รับ เมื้อวันที่ 17-18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า แม้’รัฐสภา’ เสียงข้างมากจะมีมติไม่รับร่างแก้ไขเพิ่มเติม รธน 60 ของประชาชนที่ร่วมลงชื่อจำนวน 100,732 คน ที่เรียกว่า “กฏหมายเข้าชื่อ” เมื่อวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2563 โดยมีตัวแทนประชาชน 3 ท่าน คืออาจารย์จอน อึ้งภากร คุณจีรนุช เปรมชัยพร และคุณยิ่งชีพ อัชณานนท์ นำเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ด้วยบุคลิกภาพที่มีภาวะผู้นำเต็มเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบที่ต้องการให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นในประเทศไทย นำความหวังและเจตจำนงของประชาชนมอบให้รัฐสภาที่เปลี่ยบเสมือน “สายลมแห่งประชาธิปไตย”ที่พัดเข้าสู่รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติและเป็นจุดกำเนิดของกฏหมายด้วยข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชื่อย่อว่า “5 ยกเลิก 5 แก้ไข” และเปิดทางให้เกิดการ “ร่าง” รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากการมีส่วนร่วมของประชาชน คือ

ยกเลิก 1 ช่องทางนายกฯ คนนอกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ยกเลิก 2 แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่ คสช. เขียนขึ้น คิดแทนอนาคต กดทับรัฐบาลทุกชุด
ยกเลิก 3 แผนปฏิรูปประเทศ ที่ คสช. เขียนขึ้น
ยกเลิก 4 ท้องถิ่นพิเศษ ที่เปิดช่องผู้บริหารไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง
ยกเลิก 5 นิรโทษกรรม คสช. ที่ช่วยคนทำรัฐประหาร ทำอะไรไว้ไม่มีทางผิด

แก้ไข 1 แก้ระบบบัญชีว่าที่นายกฯ เขียนให้ชัด นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.
แก้ไข 2 เปลี่ยน ส.ว. ชุดพิเศษคนของเขา เป็น ส.ว. จากการเลือกตั้งของประชาชน
แก้ไข 3 เปลี่ยนที่มาองค์กรที่ไม่ทำงาน สร้างระบบสรรหาองค์กรอิสระแบบใหม่ ให้คนที่นั่งอยู่พ้นจากตำแหน่ง
แก้ไข 4 ปลดล็อกวิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช้เสียงครึ่งหนึ่งของสภา ไม่ต้องมีอำนาจพิเศษของ ส.ว.
แก้ไข 5 ตั้ง ส.ส.ร. ชุดใหม่จากการเลือกตั้งทั้งหมด เปิดทางสร้างการเมืองแบบใหม่ สังคมแบบใหม่
และสุดท้าย เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. จากการเลือกตั้ง 100% ใช้ประเทศเป็นเลขเลือกตั้งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน ขึ้นมาใช้บังคับ

Advertisement

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ส่วนตัวในฐานะสมาชิกรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบ(เสียงข้างน้อย) ให้รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนในวาระที่ 1 เพื่อพิจารณาต่อไป ทำไหมต้องแก้ไข รธน. 60 ? “คนยากจนจะรู้ถึงความลำบากเป็นอย่างไร คนหิวจะรู้คุณค่าของอาหาร ข้าวทุกเมล็ดและน้ำทุกหยด คนเจ็บป่วยจะรู้ถึงคุณค่าของสุขภาพดี คนติดคุกจะรู้ถึงคุณค่าของอิสระภาพ ‘คนไม่มีสิทธิถึงความเป็นคน’ จะรู้คุณค่าของประชาธิปไตย” ด้วยความเชื่อว่า ประเทศเป็นประชาธิปไตย จะเปิดโอกาสให้คนทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีสิทธิเสรีภาพในความเป็นคนเสมอกัน มีหลักประกันความปลอดภัย ไม่ให้มีการข่มเหงรังแกกัน ที่สำคัญมีสิทธิทางการเมืองที่เรียนว่าหนึ่งเสียงหนึ่งสิทธิ หรือ 1 Men 1 Voted ทั้งนี้ ประชาธิปไตยเป็นระบบการปกครองที่ยึดระบบคุณธรรมต่างกับระบอบเผด็จการมีมักใช้ระบบพวกพ้องหรือระบบอุปถัมภ์ การเปลี่ยนให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยจึงมีกลุ่มคนเพียงหยิบมือเดียวไม่เห็นด้วยเพราะเสียผลประโยชน์จากตำแหน่ง อำนาจ และโครงสร้างสังคมที่มีอยู่เดิมเห็นว่าหากปล่อยให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยจะทำให้คนกลุ่มนี้ไม่สามารถเสวยสุขต่อจากอำนาจ

“ข้อเสนอของประชาชนด้วยความหวังจะมีอนาคตที่ดี สร้างยุคสมัยที่คนต้องเท่ากับคน ด้วยการมีสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรี ความยุติธรรม และสามารถกำหนดชะตากรรมของตนเองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การที่รัฐสภาเสียงข้างมากจาก ส.ว.แต่งตั้ง และจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม จะไม่สามารถหยุดความหวังและความฝันของประชาชนไปได้ แต่จะยิ่งเพิ่มพลังความมุ่งมั่นที่แกร่งกล้าด้วยความรู้และความจริงกระจายทั่วไปเต็มพื้นที่ของประเทศและทั่วโลก โดยไม่มีอำนาจใดหยุดพลังศรัทธาของประชาชนได้ ตามกฏธรรมชาติที่”เลขาธิการพรรค ปช.กล่าว และว่า มนุษย์ไม่สามารถจะสู้กับกาลเวลา และสังคมไม่สามารถจะสู้กับยุคสมัย การไม่รับร่าง “กฎหมายเข้าชื่อ” ของประชาชนจึงเหมือนการทำให้’สายลมประชาธิปไตยเปลี่นเป็นพายุประชาธิปไตย’ ที่ไม่อาจหยุดประชาชนได้ เนื่องจากโอกาส ความหวังที่จะการมีอนาคตและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนสังคมไทยสามารถทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาอื่นได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image