การหลอกหลอนของเหล่า ‘ปีศาจ’ เล่มที่อยากชวนอ่าน บนเส้นทางของราษฎร

การหลอกหลอนของเหล่า ‘ปีศาจ’ เล่มที่อยากชวนอ่าน บนเส้นทางของราษฎร

“เวลาได้ล่วงไปมากแล้ว ระหว่างโลกของท่านกับโลกของผม มันก็ห่างกันมากมายออกไปทุกที

ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลา ที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที ท่านคิดจะทำลายปีศาจตัวนี้ในคืนนี้วันนี้ต่อหน้าสมาคมชั้นสูงเช่นนี้ แต่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาอยู่ยงคงกระพันยิ่งกว่าอาคิลลิส หรือซิกฟริด เพราะเขาอยู่ในเกราะกำบังแห่งกาลเวลา

ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป”

ประโยคข้างต้น คือคำพูดของ “สาย สีมา” ที่เอ่ยกับ “เจ้าคุณ” บิดา “รัชนี” หญิงคนรักที่ต่างชั้นวรรณะกัน บนโต๊ะอาหารของงานเลี้ยงหรูหรา ในอมตะนิยายของสามัญชนเรื่อง ปีศาจ โดย เสนีย์ เสาวพงศ์ ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่สามารถเดินทางข้ามผ่านกาลเวลาที่ล่วงเลยมาได้จนถึงปัจจุบัน และล่าสุดเพิ่งถูกตีพิมพ์อีกครั้ง โดย สนพ.มติชน

Advertisement

ปีศาจตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารสยามสมัยรายสัปดาห์ ช่วง พ.ศ.2496-2497 และรวมเล่มเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.2500 โดยมีแก่นหลักคือ การเล่าถึงปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของชาวนา อำนาจของระบบอุปถัมภ์ทางสายเลือดเจ้าขุนมูลนายที่ยังคงอยู่ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมากว่า 2 ทศวรรษแล้วก็ตาม

ปีศาจ คือ สาย สีมา ลูกชาวนาผู้มีโอกาสร่ำเรียนกฎหมาย จนสอบได้เป็นทนายความ สามัญชนคนธรรมดา ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างสังคมใหม่ให้ก้าวหน้าอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม เป็นปีศาจที่หลอกหลอนคนอีกกลุ่ม ซึ่งยังคงยึดติดกับโลกใบเก่า ที่สมประโยชน์จากเลือดสีน้ำเงิน

การปะทะกันระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ สร้างปีศาจอย่างสาย สีมาและเพื่อน ให้หลอกหลอนกลุ่มคน ที่ยังคงยึดติดกับอดีต และหวาดกลัวความเปลี่ยนแปลง

Advertisement

ความเปลี่ยนแปลงที่สั่นคลอนสังคม ทั้งในแง่ของผู้ดี และผู้ใหญ่ ผู้ดีทางสายเลือดที่กำลังถูกชนชั้นล่างท้าทายอำนาจเดิมที่มีด้วย “ความรู้” ผู้ใหญ่ ที่กำลังถูกผู้เยาว์ตั้งคำถามถึงความแปลกประหลาดในสังคมที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นด้วย “ความจริง”

โลกที่ผู้ดีและผู้ใหญ่เคยมีอำนาจครอบครอง กำลังพังทลายลงด้วยอำนาจของ “ความรู้” และ “ความจริง”

หลายคนอาจตีความว่า ปีศาจที่สำคัญคือ สาย สีมา แต่หนึ่งในปีศาจที่เราตีความว่าน่ากลัวที่สุด ไม่ใช่สาย สีมา แต่คือ “รัชนี”

สำหรับเราแล้ว รัชนี คือความท้าทายขั้นสุดของโลกเก่า หญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลขุนนางผู้ดีเก่า เติบโตมาในสถานะชนชั้นอีลิต แต่เลือกที่จะเดินออกนอกกรอบ ไม่ยอมที่จะตกอยู่ในโลกใบเดิมที่ปลอดภัยในสายตาของครอบครัว ตัดสินใจคบกับสาย สีมา และเดินทางไปเป็นครูที่ต่างจังหวัด

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมองเห็นความบิดเบี้ยวของโครงสร้าง ในวันที่ตัวเองเป็นชนชั้นบนของสังคม และสามารถมีชีวิตที่สุขสบาย

นอกจากนี้ การที่รัชนีซึ่งไม่สยบยอม คือลูกสาวที่เฝ้าเลี้ยงดูมา คือสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้กับพ่อที่ยึดติดกับโลกเก่าได้มากที่สุด เป็นปีศาจที่จะตั้งคำถาม และหลอกหลอนเขาไปยาวนาน

เสนีย์ เสาวพงศ์ เคยเอ่ยพลังของ “ปีศาจแห่งกาลเวลา” ในบทสัมภาษณ์กับนิตยสาร Writer ว่า

เสนีย์ เสาวพงศ์

“ทุกวันนี้การต่อสู้ทางความคิดยังมีอยู่ พูดง่ายๆ คือระหว่างความคิดเก่ากับความคิดใหม่ ผมรู้สึกตัวว่ายุคสมัยของผมหมดแล้ว หรือกำลังจะหมด และผมไม่อยากให้สิ่งตกค้างเก่าๆ มามีผลต่อคนอื่น ถึงเวลาต้องเปลี่ยน ธรรมชาติให้มาแบบนี้ อาจจะโหดร้ายหน่อย แต่มันเสมอหน้า และเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเลือกอื่นคือ ความตาย คุณต้องผ่านไปให้ได้ ไม่มีใครเหลือติดเลย คนที่มาใหม่ เขามาใหม่แท้ๆ เขาไม่ได้ติดอะไรเก่าๆ เลย เขามาหาเอาในยุคของเขา อาจจะเก็บตกจากของเก่า แต่เขาศึกษาเอง”

มติชนนำมาพิมพ์อีกครั้งในยุคสมัยนี้ ที่ประชาชนต่างลงถนนในนามม็อบคณะราษฎร โดยได้รับเกียรติจาก สุพจน์ แจ้งเร็ว บรรณาธิการนิตยสารศิลปวัฒนธรรม เป็นผู้เขียนบทบันทึกเสมือนคำนำสำนักพิมพ์มติชน และ ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้เขียนคำนำเสนอในวาระการจัดพิมพ์ครั้งสำคัญนี้ อีกทั้งยังได้ นักรบ มูลมานัส ศิลปินคอลลาจชื่อดัง ตัวแทนของคนรุ่นใหม่เป็นผู้ตีความ และออกแบบปกปีศาจฉบับนี้ ซึ่งสวยมากๆ สวยสุดใจ

“โลกแบบใหม่นี้เอง คือสิ่งที่พ่อของรัชนีรู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง เพราะคนที่อยู่ในที่สูงกำลังถูกดึงลงมาให้เสมอกับคนอื่น ซึ่งมันสั่นคลอนระเบียบสังคมแบบโบราณตามขนบประเพณี ที่สังคมมีลักษณะเป็นพีระมิดที่มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูง แบ่งคนเป็นชนชั้นอยู่ในลำดับขั้นทางสังคมของตนเอง อย่างค่อนข้างตายตัวตามชาติกำเนิด กล่อมเกลาให้คนยอมรับชะตากรรมของตนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว โดยไม่ตั้งคำถามถึงสิทธิและความยุติธรรม” ผศ.ดร.ประจักษ์ เขียนไว้ในคำนำเสนอ

สาย สีมา ไม่ได้ปรากฏตัวเพียงในนิยาย เพียงฉากบนโต๊ะอาหาร แต่คือ คนหนุ่มสาว ประชาชนทั่วไปบนท้องถนน ที่ฝันว่าสักวันหนึ่งโลกใบใหม่จะก่อตัวขึ้นที่เส้นขอบฟ้า ไม่ว่าจะต้องใช้เวลายาวนานเพียงใดก็ตาม

หากใครสงสัยว่าทำไม “ปีศาจ” ถึงยังคงมีชีวิตอยู่ในกาลปัจจุบัน คำตอบชัดเจนมาก….

เพราะประวัติศาสตร์ยังซ้ำรอยวนลูป โลกเก่าและโลกใหม่ ยังคงปะทะกันอย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นแหล่งพลังงานที่หล่อเลี้ยงปีศาจ ให้ยังคงเติบโตและคงอยู่

รอให้สามัญชนทุกคน ยืนหยัดจุดยืน และมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อสร้างโลกปัจจุบันและอนาคตที่ดี สร้างประวัติศาสตร์โลกใหม่ไม่ให้ย่ำซ้ำรอยเดิม เฉกเช่น ความพยายามของ “สาย สีมา” และ “เสนีย์ เสาวพงศ์”

สิรนันท์ ห่อหุ้ม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image