Transition of Power บ่งบอกการสิ้นสุดยามรัตติกาลสหรัฐ

Transition of Power บ่งบอกการสิ้นสุดยามรัตติกาลสหรัฐ

ในที่สุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงพรรคเดโมแครตก็ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

ระหว่างอยู่ในตำแหน่ง 4 ปีของทรัมป์ ได้สร้างความแตกแยกในประเทศมิใช่น้อย การต่อต้านโรคระบาดไวรัสโคโรนาล้มเหลวสิ้นเชิง สหรัฐต้องตกอยู่ในภาวะมหันตภัย

พรรคเดโมแครตมองว่าความพ่ายแพ้ของทรัมป์เสมือนสหรัฐกลับมาเห็นแสงสว่าง

Advertisement

อย่างไรก็ตาม การที่โจ ไบเดน รับช่วงตำแหน่ง จะแก้ปัญหาอันยุ่งเหยิงได้อย่างไร เป็นต้นว่า สร้างความสามัคคีให้กับสังคมอเมริกัน และทำการเยียวยาโรคระบาดไวรัสโคโรนา

เป็นความสนใจของสังคม

ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ให้ความสำคัญแก่ประเด็นความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยยืนยันฟื้นฟูไมตรีแห่งพันธมิตรตามประเพณี

Advertisement

ส่วนสถานการณ์แก่งแย่งชิงชัยจีน-สหรัฐคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สามามารถร่วมมือกันได้ในประเด็นต่อต้านโรคระบาดและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

ชัยชนะของไบเดน เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกปณิธานของทรัมป์ไม่ประสบความสำเร็จ

ในทางตรงกันข้าม กลับมีแนวโน้มลดความเสี่ยงการปะทะกันทางการทหาร

โจ ไบเดน ในวัย 78 กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่มีอายุมากที่สุด

สำหรับว่าที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ก็จะกลายเป็นนักการเมืองสตรีเพศที่มีอำนาจบารมีทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน

ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลายเป็นประธานาธิดีคนแรกที่ไม่สามารถป้องกันตำแหน่งไว้ได้ หลังจากความพ่ายแพ้ของจอร์จ เอช บุช ในปี 1992 ซึ่งอยู่ได้เพียงสมัยเดียว

ความพ่ายแพ้ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประวัติศาสตร์อเมริกัน ก็จะต้องจารึกไว้ซึ่งความล้มเหลวเกี่ยวกับการต่อต้านโรคระบาดไวรัสโคโรนา

ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน (ตามเวลาสหรัฐ) ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ

1 ผลการเลือกจากประชาชน (Popular Vote)

โจ ไบเดน ได้เกินกว่า 80 ล้านบัตร

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เกินกว่า 73 ล้านบัตร

1 คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College)

โจ ไบเดน ได้ 306 คะแนน โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ 232 คะแนน

จำนวนบัตรที่ไบเดนได้รับถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน (ผู้ชนะ)

จำนวนบัตรที่ทรัมป์ได้รับก็ถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ (ผู้แพ้)

ผลการเลือกตั้งเป็นการสะท้อนถึงความรุนแรงอันเกี่ยวกับความแตกแยกของสังคมอเมริกัน

จึงไม่แปลกที่ไบเดนกล่าวตอนหาเสียงยืนยันต้องสร้างความสามัคคี และให้คำมั่นว่า

“จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐของอเมริกันชนทั่วประเทศ” พร้อมกับเรียกร้องให้แต่ละฝ่ายต้องละเว้นการแก่งแย่งชิงดีระหว่างพรรค โดยกล่าวว่า “พวกเราคือคู่แข่งมิใช่ศัตรู”

ระยะ 4 ปีในทำเนียบขาวของทรัมป์ ทำงานตามอำเภอใจ ไม่ว่ากิจการในประเทศ ไม่ว่าต่างประเทศ ล้วนเป็น “ระบอบทรัมป์” วลี “America First” ได้กลายเป็นพฤติกรรมที่สหรัฐทำการครอบงำต่างประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงถึงพันธมิตรที่มีความผูกพันมาก่อน

คำขวัญที่ว่า “Make America Great Again” นอกจากไม่ทำให้อเมริกาใหญ่ขึ้นมาดังปณิธาน กลับกลายเป็นทรัมป์ครอบงำผลประโยชน์ของประเทศแต่เพียงผู้เดียว ไม่ก้าวหน้ากลับถ้อยหลัง

เมื่อปี 2017 พลันที่ทรัมป์ทำการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งได้กล่าวสุนทรพจน์ความตอนหนึ่งพรรณนาว่า สหรัฐได้ตกอยู่ภายใต้ “มหันตภัย” เขาจะทำการกอบกู้ประเทศให้ได้

เวลาเกือบ 4 ปีผ่านไป สหรัฐได้ตกอยู่ภายใต้มหันตภัย ซึ่งมิเคยปรากฏมาก่อนในรอบ 100 ปี นั่นคือวิกฤตไวรัสโคโรนาระบาดทั่วประเทศ

กรณีไม่ปรากฏว่าทรัมป์มีมาตรการใดต่อต้านโรคระบาด กลับพูดเลี่ยงบ่ายเบี่ยงและเพื่อรักษาฐานเสียง จึงให้ความสำคัญแก่เศรษฐกิจมาก่อนโรคระบาด ในที่สุดคนอเมริกันเกินกว่าสิบล้านคนต้องกลายเป็นผู้รับเคราะห์จากโรคระบาดไวรัส ก็เพราะทรัมป์ละเลยประเด็นความสามัคคีและสารทุกข์สุกดิบของประชาชน หากสนใจแต่ผู้สนับสนุนตนเท่านั้น ผู้ใดที่ทำงานด้วยการประจบสอพลอ ย่อมได้รับปูนบำเน็จ และมีความก้าวหน้าโดยปราศจากผลงาน

จึงเป็นเหตุทำให้คนที่ตั้งใจทำงานต้องเสียกำลังใจ เช่น

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคระบาดระบือนาม Anthony Fauci ก็เพราะเป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ตั้งใจทำงาน และพูดความจริงในประเด็นโรคระบาดไวรัส เพราะไม่เข้าตาทรัมป์ จึงถูกแขวน

พลันที่โจ ไบเดน ประกาศชัยชนะ ผู้สนับสนุนแสดงความยินดี และได้นำวลีที่ทรัมป์พูดจนติดปากเมื่อเวลาไล่คนออกว่า “คุณถูกไล่ออก” (You are fired) กลับมาใช้กับทรัมป์ว่า

You are fired!

สอดคล้องกับสำนวน “กงเกวียนกำเกวียน”

คนเดโมแครตพรรณนาว่า “ยามรัตติกาลสหรัฐ” สิ้นสุดลงแล้ว

ส่วนชื่อของทรัมป์กำลังจะถูกลบออกจากทำเนียบขาว

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นชัยชนะของประชาธิปไตยอเมริกันหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์

ถ้าหากพิจารณาถึงผลงานการบริหาร น่าเชื่อว่า

โดนัลด์ ทรัมป์ คือประธานาธิบดีที่มีคุณภาพด้อยที่สุดของสหรัฐ

ภายใต้การบริหารของทรัมป์ ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐตกต่ำสุดขีด หลังจากไบเดนเข้ารับตำแหน่ง นโยบายที่มีต่อจีน คือประเด็นที่คนสนใจมากที่สุด

แต่การที่ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐต้องตกอยู่ภายใต้ “กับดักทิวซิดิดีส” (Thucydides Trap) นั้น เป็นกรณีที่เกิดจากปัจจัยภายนอก มิใช่ความคิดส่วนตัวของทรัมป์

ฉะนั้น ครั้นเมื่อไบเดนขึ้นดำรงตำแหน่ง ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐก็ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในมุมกว้างหรือขนาดใหญ่

คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าไบเดนเป็นผู้ธำรงประเพณีแห่งลัทธิระหว่างประเทศแบบพหุภาคี ให้น้ำหนักแก่พันธมิตรเพื่อนเก่า และไม่ใช้ลัทธิฝ่ายเดียวเหมือนกับทรัมป์

อุปนิสัยก็ไม่เหมือนทรัมป์ ซึ่งเป็นคนบุ่มบ่ามผลีผลาม ชอบสร้างศัตรู

อีกประการหนึ่ง ไม่ว่าปักกิ่ง ไม่ว่าพันธมิตรตะวันตก ล้วนมีความสำคัญมาก

จึงพอจะอนุมานได้ว่า อย่างน้อยที่สุด ท่าทีการฟื้นฟูไมตรีสหรัฐที่มีต่อจีนและตะวันตกคงต้องดีขึ้นกว่าสมัยทรัมป์ ตามควรแก่กรณี

แม้ 4 ปีที่ผ่านมา ทรัมป์ใช้มาตรการแข็งกร้าวกับจีน แต่ก็ได้ประโยชน์ไม่มาก

และน่าเชื่อว่าสมัยไบเดน เหตุการณ์เช่นว่าต้องลดน้อยลงไปบ้างเล็กน้อย

นอกจากนี้ ไบเดนไม่มีเจตนาทำสงครามการค้า ทั้งนี้ มิใช่ต้องการเอาใจประเทศจีน หากกรณีเป็นการอันไม่สอดคล้องกันกับผลประโยชน์ของสหรัฐ

ไบเดนมุ่งประเด็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ในประการต่อต้านโรคระบาดและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

น่าเชื่อว่า จีน-สหรัฐจะต้องมีความร่วมมือในประเด็นดังกล่าว และมีแนวโน้มเปิดการสนทนาของผู้แทนระดับสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ในการธำรงเสถียรภาพแก่โลก

ไบเดนประกาศว่า ปีแรกที่เข้ารับตำแหน่งจะต้องจัดการประชุมสุดยอดประชาธิปไตยโลกาภิวัตน์ อันเป็นเจตนาที่จะปรับปรุงบทบาทผู้นำของสหรัฐ ซึ่งหมายความรวมทั้งมาตรการกดดันประเทศจีนทางการทูตด้วย

ส่วนปัญหาฮ่องกง การอ้างอิงหลักการขั้นพื้นฐานสิทธิมนุษยธรรมนั้น

ว่ากันว่า ไบเดนคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทรัมป์

ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน บรรยากาศในสังคมอเมริกันมีความตึงเครียด อันเกิดจากแฟนพันธุ์แท้ของทรัมป์ส่วนหนึ่งยังมีความเชื่อการโฆษณาในสื่อออนไลน์ว่าเลือกตั้งทุจริต

นอกจากนี้ สื่อฝ่ายขวาสหรัฐยังได้เสนอข่าวแบบโฆษณาชวนเชื่อ แม้ไม่มีหลักฐานให้พิสูจน์หรือนำสืบได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทำการตลาดได้ดีมากข่าวหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ข่าวนั้นคือ

“ประเทศจีนช่วยเหลือไบเดนให้ได้รับเลือกตั้ง”

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของทรัมป์ พิเคราะห์จากอุปนิสัย ยังไม่ตัดประเด็น
พฤติการณ์แก้แค้นเพราะแพ้เลือกตั้ง

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image