“สรรพสามิต” เตรียมดึง บล็อกเชน ใช้ตรวจสอบการคืนภาษี ดึงอีก 2 กรมจัดเก็บเชื่อมระบบ ป้องกันเอกชนหนีภาษี-ลักลอบขนถ่ายน้ำมัน

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า หลังจากผู้ประกอบการส่งออกน้ำมันได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ทำให้ประสิทธิภาพการตรวจสอบการคืนภาษีทำได้ยาก กรมฯจึงนำเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นแผนของกรมฯในปีหน้าที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้พัฒนาระบบต่างๆในกรมฯ โดยการตรวจสอบการคืนาภาษีน้ำมันตามการยกเว้นภาษีครั้งนี้จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาช่วยเก็บเอกสารให้สามารถตรวจสอบและควบคุมได้ว่าน้ำมันได้ถูกส่งออกจริงเพื่อขอคืนภาษีหรือไม่ โดยจะเริ่มนำมาใช้ภายในไตรมาส 1 ของปี 2564

นายลวรณ กล่าวว่า นอกจากนี้จะใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ตรวจสอบเส้นทางการส่งออกว่าถึงปลายทางถูกต้องหรือไม่ อาทิ ระบบล็อกในรถขนส่งด้วยอิเล็กทรอนิก (อี-ล็อก) ที่ทำงานโดยการควบคุมรถ ตรวจสอบผ่านระบบนำทาง (จีพีเอส) ที่จะล็อกตั้งแต่ต้นทาง แจ้งเตือนกรณีออกนอกเส้นทาง และปลดล็อกเมื่อถึงปลายทางที่กำหนดไว้ เพื่อปกป้องปัญหาลักลอบขนถ่ายน้ำมันระหว่างขนส่ง ส่วนสินค้าอื่น อาทิ เครื่องดื่มทุกประเภทนั้นมีประสิทธิภาพในการควบคุมอยู่แล้ว กรมฯสามารถตรวจสอบและกำกับสายพานการผลิตได้ และโรงงานอยู่กับที่ จึงทำงานได้จริง

นายลวรณ กล่าวถึงการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับสินค้าที่นำเข้าครั้งนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่าง 3 กรมภาษีเข้าด้วยกัน ได้แก่ กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร และกรมศุลกากร เมื่อสินค้าชิ้นหนึ่งนำเข้ามาจะผ่านการประเมินมูลค่าภาษีจากกรมศุลกากร เมื่อมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันจะทำให้กรมสรรพสามิตและกรมสรรพากรจะเห็นข้อมูลตัวเลขการประเมินได้ทันที ว่าสินค้าชิ้นนั้นมีมูลค่าภาษีแต่ละประเภทเท่าไร สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของแต่ละกรมดียิ่งขึ้น การหลบเลี่ยงภาษีทำได้ยากขึ้น โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากทีมพัฒนาระบบของธนาคารกรุงไทย

“ช่วงเวลานี้เพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด-19 นโยบายการจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายจึงไม่ควรเพิ่มภาษีประเภทใหม่หรือการขึ้นอัตราภาษี เพราะจะส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้นสิ่งที่กรมฯทำได้คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี” นายลวรณกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image