เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานสถาบันสร้างไทย ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ช่วยนายนพรัตน์ ถาวงศ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)น่าน หาเสียงในนามส่วนตัว โดยได้ลงพื้นที่หาเสียงที่วัดภูมินทร์ เมืองน่าน ตลาดสดราชพัสดุ อ.เมืองนั้น วัดหัวเวียงใต้ อ.เมืองน่าน วัดก๋ง อ.ท่าวังผา บ้านป่าตอง อ.ปัว และบ้านบ่อเกลือ อ.ปัว. การพบปะพี่น้องประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ ถือโอกาสเดินตลาด และลงพบกลุ่มเกษตรกร เพื่อสอบถามความทุกข์ยาก ปัญหาการค้าขาย ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง รวมถึงการดูแลจากภาครัฐโดยเฉพาะนโยบายและโครงการต่างๆ มีประสิทธิภาพและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบความยากลำบากได้จริงหรือไม่ ซึ่งการลงพื้นที่ของคุณหญิงสุดารัตน์ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างคึกคัก มีพ่อค้าแม่ขายต่างเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก และบอกกล่าวความรู้สึกอย่างเป็นกันเอง
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนไว้วางใจ เลือกจนได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 1 แต่ด้วยกลไกและกติกาที่บิดเบี้ยวทำให้ฝ่ายแพ้การเลือกตั้ง สามารถแย่งอำนาจหน้าที่ ได้ไปเป็นรัฐบาลแทน แต่กลับไม่สามารถดูแลปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้อง แถมยังปล่อยให้ประชาชนยากลำบาก นั่นเกิดจากการที่ฝ่ายผู้มีอำนาจไม่มีฝีมือ และที่สำคัญไม่มีความจริงใจที่จะดูแลพี่น้อง”ทำไม่เก่ง ทำไม่เป็น หัวใจไม่มี”
ดังนั้นรัฐบาลกลางจึงไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาให้ประชาชนได้ และเชื่อว่า ผู้มีอำนาจจะอยู่อีกนาน เพราะรอดคดีเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นความหวังเดียวของเราคือต้องใช้รัฐบาลท้องถิ่น หรืออบจ. มาช่วย”แก้จน”โดยใช้กลไก และงบประมาณของ อบจ. มาช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตร พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้พี่น้องชาวน่าน เพราะจังหวัดน่านมีศักยภาพสูง
มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม วัฒนธรรมที่ล้ำเลิศและยังมีสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพดี
“รัฐบาลท้องถิ่นโดยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเท่านั้น ที่จะเป็นความหวังเดียว ในระหว่างที่ลุงตู่ยังอยู่ เพราะตลอดเวลาที่อยู่มา 7 ปี ได้ใช้งบประมาณไปกว่า 23 ล้านล้านบาท แต่ไม่สามารถช่วยให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น และไม่สามารถทำให้สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น จนทำให้พี่น้องกระเป๋าแฟบกันถ้วนหน้า แต่หนี้สินกลับเพิ่มพูน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
นายนพรัตน์ กล่าวว่า หากพี่น้องประชาชนไว้วางใจให้โอกาสเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน สิ่งที่จะดำเนินการเป็นลำดับแรกคือแก้ปัญหาความ”ยากจน” ซึ่งอบจ.ยุคใหม่ จะใช้กลไกอบจ. การนำสินค้าเกษตรออกไปขาย ในราคาที่ดีเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค รวมทั้งจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทางวัฒนธรรม ที่มีอยู่มากมายในจังหวัดน่าน เพื่อเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับประชาชน ชาวน่าน ในทุกตำบลให้มีรายได้ตลอดปี
