“ไม่มีอาชีพใดดีที่สุดมีเพียงอาชีพที่เหมาะที่สุด”ค่ายต้นกล้าตุลาการ สู่เป้าหมายการค้นพบตัวเอง

“ไม่มีอาชีพใดดีที่สุดในโลก มีเพียงอาชีพที่เหมาะที่สุดสำหรับเรา” ค่ายต้นกล้าตุลาการ เป้าหมายสู่การค้นพบตัวเอง รุ่น11เปิดรับสมัครเเล้ว 25 ธ.ค.นี้

ค่ายเยาวชนต้นกล้าตุลาการรุ่น10ที่จัดโดยศาลยุติธรรมจบด้วยความเรียบร้อยดี สำหรับรุ่นนี้มีเยาวชนที่เข้าร่วม130กว่าชีวิตได้ใช้เวลา6วันจากวันเปิดทำการที่ศาลฎีกาและทวาราวดี รีสอร์ท ปราจีนบุรี ในการหาคำตอบของชีวิต ว่าเส้นทางในอนาคตจะมุ่งไปทางใด เหมาะกับนักกฏหมายหรือไม่

นาย สุริยัณห์ หงษ์วิไล หรือ”พี่กุ้ง”โฆษกศาลยุติธรรมในฐานะประธานของค่ายเปิดเผยถึงผลสัมฤทธิ์หลังจบการอบรมรุ่นที่ 10 นี้ว่า ต้นกล้าตุลาการเป็นค่ายสำหรับน้อง ๆ มัธยมศึกษาตอนปลายที่มุ่งเน้นเรื่องการค้นหาตัวเอง แม้จะเป็นค่ายที่จัดโดยศาลยุติธรรมแต่เราก็ตระหนักดีว่า”ไม่มีอาชีพใดที่จะดีที่สุดในโลก มีเพียงอาชีพที่เหมาะที่สุดสำหรับเรา” แล้วอาชีพนั้นจึงจะเป็นอาชีพที่ดีที่สุดของเราเอง ค่ายนี้จึงไม่ได้ถูกออกแบบให้เป็นค่ายวิชาการเต็มรูปแบบหรือมีแต่กิจกรรมอย่างเดียว แต่เป็นค่ายที่ผสมผสานทั้งสองส่วนให้สอดคล้องและกลมกลืนมากที่สุดเพื่อให้น้อง ๆ สามารถใช้เวลาร่วมกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทีมงานในค่าย ๆ คิด ค่อย ๆ เรียนรู้และตกผลึกจนค้นพบว่ามีเป้าหมายในอนาคตอย่างไร ตรงกับเป้าหมายที่เราเคยคิดหรือวางแผนไว้หรือไม่ ในค่ายจะเป็นบรรยากาศจำลองของการเรียนการสอนและตัวอย่างวิชาชีพทางด้านกฎหมาย เรามีแบบอย่างของนักกฎหมายทั้งผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย นิติกร รวมถึงบุคคลในอาชีพอื่น ๆ มาพูดคุยและตอบคำถามให้แก่น้อง ๆ อย่างใกล้ชิด ในแต่ละรุ่นอาจมีแขกรับเชิญในสาขาวิชาชีพต่าง  ที่แตกต่างกันออกไปบ้างแล้วแต่ช่วงเวลาและความเหมาะสม เช่น บางรุ่นมีเสนาลิง สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ หรือดีเจพี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล หรือ ส.ส.โต้ง สิริพงศ์  อังคสกุลเกียรติ ค่ายต้นกล้าตุลาการมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบทั้งหัวข้อการบรรยาย วิทยากร รูปแบบการอบรมและกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ ต่อเนื่องทุกรุ่นเพื่อให้สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม มุ่งเน้นที่การมีส่วนร่วมของน้อง ๆ  เพื่อให้น้อง ๆ ที่เข้าค่ายได้รับประโยชน์สูงสุดในระยะเวลาที่จำกัดแค่ 6 วัน 5 คืน

Advertisement

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือความตั้งใจและความจริงใจของทีมงานที่ดำเนินโครงการนี้ สำหรับรุ่นที่ 10 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้นในแง่ของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการหากพิจารณาเฉพาะการตัดสินใจเพื่ออนาคตการเรียนที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนและหลังเข้าค่าย”พบว่า จากน้อง ๆ จำนวน 130 คน ก่อนเข้าค่ายตัดสินใจเลือกคณะที่อยากเรียนแล้ว 88 คน คิดเป็นร้อยละ 68 โดยสนใจเรียนทางด้านนิติศาสตร์มากที่สุดคือ 76 คน รองลงมาคือรัฐศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ภายหลังการอบรมน้อง ๆ สามารถตักสินใจเลือกคณะที่จะเรียนได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 112 คน หรือร้อยละ 86 โดยตัดสินใจเข้าเรียนทางด้านนิติศาสตร์จำนวน 90 คน รองลงมาคือ รัฐศาสตร์ ศึกษาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจคือหลังจากการเข้าค่ายแล้ว น้อง ๆ บางคนสนใจจะเรียนคณะแพทยศาสตร์ และทันตแพทย์ ซึ่งจากการสอบถามก่อนเข้าค่ายไม่มีคณะเหล่านี้ แสดงว่าภาพที่ปรากฏในค่ายค่อนข้างชัดเจนจนน้อง ๆ สามารถใช้ประกอบการตัดสินใจได้ว่าตนเองเหมาะที่จะเรียนทางด้านไหน และวิชาชีพใดที่เขาประสงค์จะใช้เป็นเส้นทางหลักในการดำเนินชีวิต สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นความสำเร็จของค่ายทั้งสิ้น”

อาจกล่าวได้ว่าค่ายกล้าตุลาการตั้งแต่รุ่นที่ 1-10 ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของค่ายในระดับที่น่าพอใจ แต่เราก็ตระหนักดีว่าความสำเร็จของรุ่นที่ผ่านมาไม่อาจเป็นสิ่งยืนยันได้ว่ารุ่นต่อไปจะประสบความสำเร็จ ทีมงานจึงยังคงต้องทำงานหนักเตรียมการให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ค่ายต้นกล้าตุลาการแต่ละรุ่นมีความพิเศษเฉพาะตัวและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่น้อง ๆ

Advertisement

นายพันธ์ศักดิ์ กอบกาญจน์ หรือ “น้องก้อง”จาก โรงเรียนเทพมิตรศึกษาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เปิดเผยความรู้สึกภายหลังเข้าค่ายว่า ตลอด6วันที่ได้อยู่ในค่ายอบรมนี้ รู้สึกได้รับความอบอุ่นและความสามัคคี คือต้องบอกว่าเคยไปค่ายมาหลายที่แล้ว แต่ที่ผ่านมายังไม่มีค่ายไหนตอบโจทย์ผมได้ แต่พอมาค่ายนี้มันกลับตอบโจทย์ทุกอย่าง ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและหลายอย่าง ผมประทับใจมากที่สุดคือมีวิทยากรมาเสริมความมั่นใจ ทางที่เราอยากเรียนนิติศาสตร์อยู่แล้วและยังได้วิทยากรที่มาให้ความรู้มากขึ้นโดยวิทยากรมาให้ความมั่นใจกับเรา ว่าเราไม่ได้คิดอยู่คนเดียวว่าอาชีพนี้ดีแบบไหน แต่เราได้รับความรู้เพิ่ม

พี่เลี้ยงของค่ายนี้ไม่ได้ดูแลเหมือนพี่เลี้ยงทั่วไปแต่ดูแลเหมือนพี่สาวพี่ชายเหมือนคนในครอบครัวดูแลดีมากผมรู้สึกดีมากที่ได้มาค่ายนี้ ได้มาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆและพี่ๆ ค่ายนี้ทำให้ผมได้ทั้งความรู้และเป้าหมายที่มากขึ้นเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นทำให้เรารู้ว่าเราอยากเรียนนิติศาสตร์ ซึ่งตอนแรกอยากเป็นผู้พิพากษาแต่ตอนนี้ผมอยากเป็นอัยการ ซึ่งผมเข้าใจว่าการเป็นผู้พิพากษาต้องเด็ดขาดทำอะไรก็ต้องทำอยู่ในกรอบจะหวือหวาไม่ได้ถ้าเราเป็นอัยการกรอบของเราอาจจะหลวมกว่าทำให้เรามองทางได้ชัดเจนว่าเราต้องการเป็นอัยการ และเมื่อมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแล้วเราก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือเมื่อเรารู้ว่าเป้าหมายอยู่ตรงนี้เราก็จะสามารถวางแผนได้ถูกต้องซึ่งไอดอลของผมที่ได้จากค่ายนี้ก็คือ พี่ตวง  (ศตพัฒน์ แขกเพ็ง ต้นกล้ารุ่น1 สอบผู้ช่วยผู้พิพากษาคะแนนที่1) และท่านกุ้ง (โฆษกศาลยุติธรรม) แต่บางทีผมอาจจะปฏิบัติได้ไม่เต็ม 100 เหมือนแต่ได้สักครึ่งนึงผมก็ดีใจแล้ว แม่ผมสอนเสมอว่าสังคมอาจจะไม่ต้องการแค่คนเก่งแต่ต้องการคนดีด้วย มาค่ายนี้แม่ก็มีโทรมาถามบ้างซึ่งผมก็ตอบแม่ไปตามตรงว่าค่ายนี้สนุกและไม่น่าเบื่อเลย

ค่ายต้นกล้าตุลาการฯต่างจากค่ายอื่นที่ผมเคยไปอย่างเช่นใครอื่นมีเวลาสามวันผมจะอยู่ได้เพียงแค่หนึ่งวันเพราะภาพรวมอาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนตอนที่อยู่บ้านมากนักเพราะผมเป็นคนที่อยู่บ้านแล้วสะดวกสบายแต่ค่ายนี้มีครบทุกอย่างสะดวกสบายเหมือนจะสบายกว่าตอนที่อยู่ที่บ้านด้วยซ้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ไปค่ายไหนแม่ผมก็ต้องมารับกลับ ผมจะออกแนวลูกคุณหนูซักนิดนึง ถ้าค่ายไหนความเป็นอยู่ไม่สบายผมจะกลับเลย ผมไม่ได้อยู่ร่วมกับคนอื่นยาก แต่อย่างบางค่ายนอนพื้นผมก็จะเมื่อย ค่ายนี้เพื่อนเพื่อนน่ารักทุกคนไม่มีข้อเสียเลย หลังจากนี้ผมบอกว่าพวกเรารุ่น 10 คือครอบครัวเดียวกันก็อยากจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไปตลอดจนถึงโตและทำงานก็อยากจะติดต่อกับไปตลอด”

 

น.ส.บุณณดา ฮ่มซ้าย หรือ “น้ำตาล” จากโรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร วันแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสค่ายนี้ขอบอกเลยว่าตื่นเต้นมาก ชื่อค่ายก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นต้นกล้าตุลาการ เป็นค่ายที่ให้ความรู้ทางกฏหมายและแนะแนวเรื่องต่างๆแต่ค่ายนี้จะไม่บังคับว่ามาค่ายนี้แล้วเราจะต้องเรียนกฏหมาย แต่ค่ายนี้จะทำให้เราค้นพบตัวเอง พอได้เข้ามาพบว่าค่ายนี้ตอบโจทก์ว่า เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฏหมายและมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเราอยากเรียนกฎหมาย วิชาการที่วิทยากรบรรยาย กลับไม่รู้สึกเบื่อ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบฟังบรรยาย และวิทยากรในค่ายนี้ไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อยๆมีการถามให้เราคิดตาม ทำกิจกรรมอื่นสลับกัน มาค่ายนี้ที่ได้แน่ๆคือความรู้ด้านกฏหมายจากการบรรยายกฏหมายอาญา และกฏหมายเบื้องต้น รวมถึงความรู้อื่นๆเช่นการใช้โซเชี่ยลฯหรือการโพสต์อย่างไรให้ปัง รวมถึงกิจกรรมสันทนาการที่กระตุ้นทักษะความรู้ ค่ายนี้สำหรับน้ำตาลถือเป็นค่ายที่เพอร์เฟคมากเนื่องจากความลงตัวทุกอย่าง ทั้งกิจกรรม การเรียน วิทยากรมีทั้งผู้พิพากษา อัยการ ทนายและสายอาชีพอื่นๆที่ไม่ใช่นักกฏหมาย โดยมีไอด้อลในดวงใจของค่ายนี้คือ พี่กุ้ง (สุริยัณห์ หงษ์วิไล) ซึ่งเป็นทั้งวิทยากรและผู้ดำเนินรายการที่เคยเป็นนักโต้วาทีระดับมัธยมมาก่อน ส่วนเป้าหมายภายหลังค่ายนี้ตนมั่นใจว่าตนจะเดินทางไปสายนิติศาสตร์แน่นอน โดยอาชีพในดวงใจที่ตั้งเป้าไว้คือต้องการเป็นอัยการ

สำหรับ“ค่ายต้นกล้าตุลาการรุ่นที่ 11 จะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 15 ธ.ค.63- 5 ก.พ.64 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook เพจ ค่ายต้นกล้าตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม / Website https://iprd.coj.go.th/ / Instagram tonklatulakarn

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image