ตำรวจเดินหน้าปราบนายทุนเงินกู้นอกระบบ เอารัดเอาเปรียบช่วงโควิด-19 ยึดทรัพย์กว่า 15 ล้าน

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปน.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร.ในฐานะรองผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รองผบช.ก.และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการระดมมกวาดล้างหนี้นอกระบบพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 18 -24 ธันวาคม 2563 ตรวจค้นเป้าหมายรวม 587 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา 297 ราย ยึดเงินสด 333,126 บาท ยึดอาวุธปืน 2 กระบอก บัญชีลูกหนี้ 3,280 รายชื่อ สมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม 47 รายการ ตรวจยึดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 118 คัน โฉนดที่ดิน 23 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ 109 เครื่อง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด 15,091,928 บาท

พล.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า การระดมกวาดล้างครั้งนี้มุ่งเน้นปราบปรามผู้มีอิทธิพล บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือมีลักษณะทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้ผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน

สำหรับผลการจับกุมหนี้นอกระบบที่สำคัญ อาทิ จับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติเปิดแอพพลิเคชัน ให้ประชาชนกู้ยืมเงินเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด คิดเป็น 39.35 ต่อ 7 วัน หรือ ร้อยละ 2,067 ต่อปี มีการหักค่าบริการออกจากเงินกู้ โดยลูกหนี้ยังต้องชำระหนี้เต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย ปากไม่ชำระหนี้จะถูกทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ ด่าทอ คุกคาม และส่งเอสเอ็มเอสประจานไปยังบุคคลที่สาม สามารถอายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับแอพพลิเคชันดังกล่าวกว่า 6 ล้านบาท ตรวจสอบพบบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท มีบัญชีผู้กู้กว่า 1 หมื่นราย

รายต่อมาจับกุมนายทุนเงินกู้รายใหญ่ 3 ราย ในจังหวัดขอนแก่น มีพฤติการณ์รับจำนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เรียกดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยให้ผู้กู้นำรถยนต์และรถจักรยานยนต์มาค้ำประกัน โดยไม่ทำสัญญาเงินกู้ แต่ทำสัญญารับฝากขายรถและให้ผู้กู้ลงลายมือชื่อในสัญญาโดยไม่ลงยอดจำนวนเงิน ตรวจยึดรถยนต์ 17 คัน และรถจักรยานยนต์ 50 คัน อีกรายจับกุมนายทุนเงินกู้ในจังหวัดร้อยเอ็ด รับขายฝากที่ดิน มีกำหนดไถ่ถอน 1 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต่อเดือน ตรวจยึดโฉนดที่ดินพร้อมสัญญากู้ยืมเงิน 14 ชุด สัญญากู้ยืมเงิน 18 ชุด สำเนาโฉโนดที่ดินพร้อมสำเราหนังสือสัญญารับจำนอง 19 ฉบับ

Advertisement

ขณะที่รายสุดท้ายกรณีปรากฏคลิปวิดีโอทำร้ายพนักงานทวงหนี้ บริษัทที.เอ็ม.เอ็น.กรุ๊ป 2018 ในพื้นที่อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีมูลเหตุน่าเชื่อว่าเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ พล.ต.อ.ปิยะ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ในส่วนของคดีทำร้ายร่างกาย สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ โดยผู้ก่อเหตุ คือนายจิรัฐกสานต์ ใจสะอาด โดยมีนายสุกฤษฎิ์ สะวันงา เป็นผู้สั่งการ จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ส่วนความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ บก.ปอศ.ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า บริษัทที.เอ็ม.เอ็น.กรุ๊ป 2018 ประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย จึงขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรสาคร ออกหมายจับ บริษัทที.เอ็ม.เอ็น.กรุ๊ป 2018 ในฐานะนิติบุคคล นายสุกฤษฎิ์ สะวันงา กรรมการบริษัท และลูกจ้างบริษัท รวม 13 หมายจับ ในข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

พล.ต.อ.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าการดำเนินการของ ศปน.ตร.จะยึดกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด และ พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ แต่ในการปฏิบัติจะเน้นขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินนายทุนเงินกู้นอกระบบ รวมทั้งขยายผลว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิดมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ขณะเดียวกันให้ตรวจสอบเรื่องภาษี เพื่อจะนำมาตรการทางภาษีมาดำเนินการกับนายทุนเหล่านี้ นอกจากนี้ให้ตรวจสอบนิติกรรมอำพรางต่างๆ ที่ไม่ใช่เพียงการปล่อยกู้เงินเพียงอย่างเดียว

“ฝากถึงกลุ่มนายทุนเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ใครยังไม่หยุดเราตามถึงที่แน่ ขณะนี้เรามีข้อมูลของท่านและอยู่ระหว่างการสืบสวน เพื่อที่จะกระชากหน้ากากนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง คอยฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือทราบข้อมูลการกระทำผิดสามารถแจ้งเบาะแส กับศปน.ตร.ได้ที่สายด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง”พล.ต.อ.ปิยะ ระบุ

Advertisement

สำหรับผลการปฏิบัติของ ศปน.ตร.เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2563 มีผลการดำเนินการสืบสวนปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบและรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน 3,575 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ 2,893 เรื่อง ส่วนความผิดที่พบสามารถแบ่งลักษนะของการกระทำผิดออกได้ ดังนี้ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด 1,896 เรื่อง หมวกกันน็อก 999 เรื่อง เงินกู้ออนไลน์ 443 เรื่อง จำนำรถ 51 เรื่อง ขายฝากที่ดิน 25 เรื่อง จำนองที่ดิน 24 เรื่อง วางหลักประกัน 34 เรื่อง อื่นๆ 3 เรื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image