โคราช เฮ ไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม ยอดสะสม 9 ราย รักษาหายแล้ว 6 ราย
วันที 9 มกราคม ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรสสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.วิญญู จันทร์เนตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพร้อมแถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยสถานการณ์ล่าสุดจังหวัดนครราชสีมาไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม ยังคงมีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดรอบใหม่ จำนวน 9 ราย รักษาหายแล้ว 6 ราย กักตัวที่ รพ.พิมาย 1 ราย รพ.สีคิ้ว 1 ราย รพ.บัวใหญ่ 3 ราย และ รพ.เทพรัตน์ 1 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา 3 ราย โดยในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนเดินทางมาจากต่างจังหวัดพื้นที่เสี่ยง จำนวน 8,959 ราย กักตัวครบแล้ว 1,136 ราย ยังกักตัวอยู่ที่บ้าน 7,823 ราย
โดยนายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจังหวัดนครราชสีมาจะไม่มีผู้ป่วยเพิ่มแต่มาตรการทุกอย่างยังคงต้องเข้มงวดเช่นเดิม ทางจังหวัดได้มีการจัดชุดออกไปตรวจมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามสถานที่ต่างๆ ทุกวันไม่ว่าจะเป็น ตลาดสด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งสถานบริการ สถานบันเทิง หากสถานที่ได้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางกำหนดไว้จะต้องถูกปิดทันที ในส่วนการเตรียมความพร้อมการจัดเตรียมสถานที่เพื่อตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามทางจังหวัดได้พิจารณาเลือกไว้ 2 สถานที่ ได้แก่ กรณีผู้ป่วยไม่เกิน 100 ราย จะใช้ที่ กองร้อยอาสารักษาดินแดน ต.จอหอ กรณีหากมีผู้ป่วย 100-500 ราย จะใช้พื้นที่ในอาคารหอประชุมอำเภอเมืองนครราชสีมา สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา แต่ทั้งนี้เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมเท่านั้นยังไม่มีการเปิดทำการแต่อย่างใด
ด้าน นพ.วิญญูกล่าวว่า สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องเดินทางไปในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัดที่ ศบค.กำหนด จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ ต้องทำเรื่องขออนุญาตออกนอกพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แจ้งความจำเป็นในการเดินทางไปในพื้นที่ดังกล่าว แก่ ผู้นำชุม กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน เมื่อไปถึงพื้นที่ดังกล่าวแล้วจะต้องแจ้งแก่หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ด้วย กรณีจะเดินทางกลับมายังจังหวัดนครราชสีมา จะต้องมีการตรวจสุขภาพ มีใบรับรองการตรวจโควิด-19 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ จ.นครราชสีมา แล้วมาถึงต้องกักตัว 14 วัน ด้วย ทั้งนี้ขั้นตอนดังกล่าวถือเป็นการอำนวยความสะดสกให้กับประชาชนที่มีความจำเป็นจริงๆ จะต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง อย่างไรก็ตามในช่วงนี้หากไม่จำเป็นไม่ควรเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นอันขาด
