จเรตำรวจฯประชุมผลทุจริตอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19พบผู้กระทำผิด 189 รายระดับนายพล 5 ราย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 มกราคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) เป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ครั้งที่ 4

โดย พล.ต.อ.วิสนุ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อสรุปตัวเลขผู้ที่กระทำความผิด ตัวเลขผู้ที่ถูกลงโทษไปแล้ว และผู้ที่อยู่ในกระบวนการสอบสวนทางวินัย หากหาพยานหลักฐานมาหักล้างได้ ก็ไม่เป็นไร หากหามาไม่ได้ ก็เป็นกระบวนการของวินัยร้ายแรง โทษสูงสุด ไล่ออก ปลดออก หากมีคดีอาญาด้วย ก็ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณา เบื้องต้นที่ทราบตอนนี้มีผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 189 นาย เป็นระดับนายพล 5 นาย ระดับ พ.ต.อ. 48 นาย อย่างไรก็ตามจะสรุปผลการประชุมอย่างเป็นทางการให้ทราบต่อไป

เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.วิสนุ ได้เรียกประชุมผ่านระบบทางไกลวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ กับ รอง ผบช.ที่ทำหน้าที่จเรตำรวจของ บช.น.  ตำรวจภูธรภาค 1-9 เพื่อติดตามผลการดำเนินการทางวินัย โดยมีพล.ต.ท.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รอง จตช. พล.ต.ท.เชษฏา โกมลวรรธนะ จตร.(หน.) ผู้แทน ผบช.สำนักงานตรวจสอบภายใน  ผบก.กองวินัย ตร. ร่วมประชุมด้วย

โดย พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ผลจากการที่ ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร.โดยเฉพาะ ผบ.ตร. ได้ใส่ใจติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยได้มาประชุมติดตามผลด้วยตัวเองถึง 2 ครั้ง ในช่วงเดือน พฤศจิกายน- ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา และ ยังสั่งการให้ พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบช.สตส จัดกำลังชุดตรวจลงพื้นที่ตรวจคู่ขนานในหน่วยที่ถูกร้องเรียนอีกครั้ง ส่งผลให้ ทุก บช. มีการตรวจสอบเพิ่มเติม และ นำไปสู่การเพิ่มโทษทางวินัยจากเดิม ให้หนักขึ้นตามพฤติกรรม

Advertisement

โดยพบว่า ทุก บช. มีข้าราชการตำรวจ ที่เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ประมาณ 189 นาย จากพื้นที่ นครบาล และ ภ.จว รวม  23 จังหวัด ทั้งระดับกองบังคับการ ภูธจังหวัด และ ระดับสถานีตำรวจ รวม 73 หน่วย โดยมีตั้งแต่ระดับพล.ต.ต. หรือผู้บังคับการ 5 นาย พ.ต.อ. 48 นาย นอกนั้นเป็นระดับ รอง ผกก , สว ,รอง สว. และ ผบ.หมู่ รวม 136 นาย ซึ่งมีการพิจารณาโทษตามแต่มูลเจตนาของผู้กระทำผิดตั้งแต่ เบาไปถึงหนัก ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน การภาคฑัณฑ์ การกักยาม การกักขัง การตัดเงินเดือน และหนักสุดคือ การเสนอเข้าสู่การสอบสวนพิจารณาวินัยร้ายแรงซึ่งหากมีหลักฐานยืนยัน ก็จะเข้าสู่การลงโทษ ปลดออก ไล่ออก และดำเนินคดีทางอาญาต่อไป

นอกจากนั้นยังได้ดำเนินการทางการปกครองอีกส่วนหนึ่ง โดย มีการย้ายข้าราชการตำรวจที่ถูกพิจารณาโทษ โดยเฉพาะระดับ ผกก. – สว. ออกจากพื้นที่ไปทำหน้าที่อื่น เช่น ตำรวจภูธรภาค 6 และ ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่ง พล.ต.อ.วิสนุ ได้กำชับไม่ให้มีการย้ายผู้ที่ถูกย้าย กลับไปที่เดิมโดยเด็ดขาด

ในที่ประชุม พล.ต.อ.วิสนุ ได้ย้ำให้ ทุก บช.ระมัดระวัง การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกประเภท โดยเฉพาะ ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งตำรวจโดยเฉพาะในพื้นที่ประกาศล็อคดาวน์ จำเป็นต้องใช้กำลังพลสนับสนุนภารกิจ ทั้งการลาดตระเวน และ จุดคัดกรอง ดังนั้นการพิจารณาโทษในครั้งนี้ ให้ทุกหน่วยถอดบทเรียน และต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกแล้ว การเบิกจ่ายทุกชนิด ต้องไม่บกพร่อง จะอ้างว่า ไม่รู้ไม่เข้าใจระเบียบไม่ได้ ต้องทำให้ถูกต้องตั้งแต่กระดุมเม็ดแรก และ ในวันนี้ เงินเบี้ยเลี้ยงที่เบิกมาต้องถึงมือผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด โดยให้ ผบช.สตส เข้าตรวจสอบตามกระบวนการตรวจสอบภายใน ให้เรียบร้อย โดยในลำดับต่อไป ทาง ตร.จะส่งรายงานผลการดำเนินการให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ช. ทราบเป็นข้อมูล ต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image