นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ กรมได้อำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเดินหน้า 6 มาตรการหลัก เพื่อลดผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการและปฏิบัติตามนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม รวมทั้งเพื่อลดความเสี่ยง ความแออัด และความจำเป็นในการเดินทางมายังกรมการค้าต่างประเทศ ได้แก่ 1. ขยายเวลาวันหมดอายุสำหรับบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้าและบัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ ที่จะหมดอายุช่วง 15 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2564 ออกไปอีก 3 เดือนโดยอัตโนมัติ
นายกีรติ กล่าวต่อว่า 2. อนุญาตให้ผู้ประกอบการส่งคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้าที่มีมาตรการควบคุมการส่งออก-นำเข้าผ่านทางไปรษณีย์ พร้อมสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาและเลขทะเบียนผ่านระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการออนไลน์ของกรม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 3. เชิญชวนให้ผู้ประกอบการเลือกใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) หรือการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN Wide Self Certification: AWSC) สำหรับการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน แทนการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบกระดาษ 4. ผลักดันให้ผู้ประกอบการใช้ระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) เพื่อลดการสัมผัสกระดาษและลดระยะเวลาที่ใช้ในการรับบริการ ทั้งนี้ สำหรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าทั่วไป (C/O ทั่วไป) ให้ผู้ประกอบการประสานผู้นำเข้าปลายทางเพื่อยกเว้นการขอ C/O ทั่วไปสำหรับการผ่านพิธีการศุลกากรในช่วงนี้
5. เพิ่มการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้าแบบไร้เอกสาร (Paperless) รวมเป็นจำนวน 38 รายการ โดยกรมฯ ได้เชื่อมโยงข้อมูลหนังสือสำคัญฯ กับกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือสำคัญฯ เพื่อประกอบพิธีการทางศุลกากรอีกต่อไป 6. อนุญาตให้ผู้ประกอบการใช้แบบฟอร์มรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองตามที่กรมฯ กำหนดมายื่นประกอบการขอรับหนังสือรับรองแสดงการได้สิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ในช่วงระหว่าง 15 มกราคม ถึง 30 เมษายน 2564 กรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถนำ C/O จากประเทศต้นทางมาแสดงได้เนื่องจากประเทศต้นทาง Lockdown
“กรมมีมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดทำระบบ Timeline a Day Report สำหรับให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกรมฯ เข้าไปกรอกข้อมูลการเดินทางและกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในแต่ละวัน เช่น สถานที่ที่ไปทำกิจกรรม ช่วงเวลา และรูปแบบการเดินทาง เป็นต้น สำหรับใช้เป็นข้อมูลในการติดตามและกำกับดูแลเพื่อลดโอกาสของเจ้าหน้าที่ในการเข้าพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการว่า กรมได้คำนึงความปลอดภัยในการให้บริการอย่างเต็มที่ ” นายกีรติ กล่าว