จ่อตั้งกก.คุม ‘อาชีวะเอกชน’ ดัง ส่อมีปัญหาซ้ำรอยร.ร.ย่านบางแค ‘บอร์ดกช.’เคาะเพิ่มวงเงินกู้ขั้นต่ำ3ล.

จ่อตั้งกก.คุม ‘อาชีวะเอกชน’ ดัง ส่อมีปัญหาซ้ำรอยร.ร.ย่านบางแค ‘บอร์ดกช.’เคาะเพิ่มวงเงินกู้ขั้นต่ำ3ล.

นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนที่มีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงการควบคุมกิจการของโรงเรียนภาษานุสรณ์บางแค เนื่องจากพบว่าผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 โดยปล่อยให้ที่ดินและทรัพย์สินตกเป็นของบุคคลภายนอกโดยไม่แจ้งให้ สช.ทราบ มีการใช้เงินอุดหนุนอาหารเสริมนมไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ ทำให้นักเรียนไม่ได้รับอาหารเสริมนมซึ่งส่งผลกระทบต่อนักเรียนอย่างร้ายแรง ขาดสภาพคล่องทางการเงินไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้ครู และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ สช.จึงตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียน โดยภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ถ้าโรงเรียนไม่สามารถไถ่ถอนเอาที่ดินและแก้ปัญหาทั้งหมดได้ สช.ก็จำเป็นต้องสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯต่อไป ทั้งนี้สช.ยังพบว่าที่ตั้งโรงเรียนแห่งนี้ อยู่ในที่ดินผืนเดียวกับวิทยาลัยอาชีวะเอกชน ที่ประชุมจึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)ไปตรวจสอบ ถ้าพบว่าวิทยาลัยแห่งนี้มีปัญหาลักษณะเดียวกันกับโรงเรียนภาษานุสรณ์บางแค ให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ตั้งคณะกรรมการควบคุมวิทยาลัยอาชีวะเอกชนดังกล่าวต่อไป

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานของกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในส่วนของการบริหารกิจการโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนเอกชนจำนวน 1,480 แห่ง ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลให้ผู้ปกครองไม่มีเงินจ่ายค่าธรรเนียมการเรียนหรือค่าเทอม และมีอีกกว่า 2,000 โรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือจาก สช. ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติขยายวงเงินให้กู้ยืมกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบฯ จาก 1 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 รวมถึงขยายเวลาผ่อนชำระหนี้จาก 2 ปี เป็น 6 ปี ดังนั้นถ้าโรงเรียนได้กู้เงินจาก สช.ไปแล้ว 1 ล้าน ก็สามารถยื่นเรื่องขอกู้เพิ่มเติมได้อีก 2 ล้านบาท นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา ในส่วนของเงินสมบทเป็นเงินเดือนครู ประเภทอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ให้ได้รับเท่ากับการอุดหนุนนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา จำนวน 450 บาทต่อคนต่อปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 โดยเตรียมจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับการการคืนค่าเทอมระหว่างปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ และการคืนการธรรมเนียมการศึกษาให้แก่ผู้ปกครองนั้น สช.ได้ส่งหนังสือซักซ้อมทำความเข้าใจการจัดการเรียนการสอนระหว่างปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษและการคืนค่าเทอมให้แก่ผู้ปกครอง ถึงโรงเรียนทุกแห่งแล้ว จากนี้ สช.จะออกหนังสือให้โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศรายงาน การดำเนินการปรับลดค่าเทอมให้กับผู้ปกครองว่าได้ลดตามหนังสือซักซ้อมหรือไม่ โดยจะต้องรายงานให้ สช.รับทราบโดยเร็วที่สุด

“แม้สช.จะไม่มีอำนาจบังคับให้โรงเรียนลดค่าธรรมเนียมได้ แต่กฎหมายก็ให้อำนาจ หากพบโรงเรียนที่เก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะที่แสวงหากำไรเกินควร สร้างภาระแก่ประชาชนเกิน ศธ.มีอำนาจสั่งลดค่าธรรมเนียมได้ ถ้าโรงเรียนไม่ดำเนินการตามก็สามารถสั่งงดรับนักเรียนในปีการศึกษาต่อไปได้เบื้องต้นพบว่ามีโรงเรียนเอกชนไม่ถึง10% ที่ยังเก็บค่าเทอมสูง ซึ่งสช.ได้ตั้งคณะทำงานลงไปตรวจสอบในโรงเรียนทุกแห่งแล้ว” นายอรรถพล กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image