วอนรัฐช่วย ด่วน ชาวสวนเดือดร้อนหนักหวั่นภัยแล้งทำทุเรียนหนองเสือ ‘อวสาน’
วันที่ 30 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี นั้นเกษตรกร ผู้ทำนาทำสวน ต่างได้รับผลกระทบจากภัยแล้งกันเป็นจำนวนมาก จากการที่น้ำในคลองชลประทานต่างๆ ในอำเภอหนองเสือ ต่างลดระดับแห้งขอดลงจนไม่สามารถสูบน้ำเข้าหล่อเลี้ยงพืชผลทางการเกษตรได้ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนหนองเสือที่โด่งดังไปทั่วประเทศนั้น ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงด้วย ซึ่งขณะนี้ต้นทุเรียนได้ยืนต้นตายไปแล้วกว่า 500 ต้นจากพิษภัยแล้งในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวที่ สวนทุเรียนสุพจน์ ตั้งอยู่ที่ถนนเลียบคลองเก้า หมู่ 7 ตำบลบึงกาสาม อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี
นายสุพจน์ ตันพิชัย เจ้าของสวนทุเรียนหนองเสือ กล่าวว่า สวนทุเรียนสุพจน์นั้นได้ปลูกทุเรียนเอาไว้จำนวน 50 ไร่ ซึ่งถือว่ามีชื่อเสียงระดับประเทศ เพราะมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างแห่เดินทางมาชิมรสชาติความหวานหอมอร่อย พร้อมเลือกซื้อหาจับจองกันกลับไปมากมายในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตกัน อย่างไม่ขาดสายในทุกปี แต่ในขณะนี้ทุเรียนหนองเสือของตนเองได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เพราะน้ำในคลองชลประทานแห้งขอดไม่สามารถสูบเข้าหล่อเลี้ยงพืชผลได้ ส่งผลให้ต้นทุเรียนทยอยยืนต้นตายไปแล้วกว่า 500 ต้น
“ทุเรียนของเราได้รับผลกระทบจากภัยแล้งต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา พอมาในปีนี้ภัยแล้งมาไวกว่ากำหนด ทำให้น้ำภายในสวนที่กักตุนเอาไว้หล่อเลี้ยงผลผลิตมีใช้ไม่ถึงเดือน ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ต่อไป คาดว่าทุเรียนหนองเสือที่มีชื่อเสียงโด่งดังและหายาก ที่ให้ผลผลิตออกมาในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ทุเรียนหนองเสือคงจะต้องกาลอวสาน และสูญหายไปจากทุ่งรังสิตอย่างแน่นอน หากยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรเป็นวาระอย่างเร่งด่วนสุด” นายสุพจน์กล่าว
นายสุพจน์กล่าวว่า ซึ่งหากทางหน่วยงานกรมชลประทาน มัวแต่ปล่อยมวลน้ำไปใช้ผลักดันน้ำเค็มอยู่หรือใช้ผลิตน้ำประปา โดยไม่ผันน้ำมาให้เกษตรกรได้ใช้บ้าง เชื่อได้เลยว่าทั้งสวนทุเรียนและสวนผลไม้อื่นๆ นั้น จะได้รับผลกระทบทั้งหมดคาดว่าไม่เกินหนึ่งเดือนหลังจากนี้ คงได้ยืนต้นตายเหี่ยวเฉากันเกลี้ยง ในขณะที่ตอนนี้ตนเองได้มีการปลูกพืชอื่นขึ้นมาเสริมทดแทนแล้ว เช่น กล้วยน้ำว้า มังคุด ในการทดแทนหากต้นทุเรียนจะยืนต้นตายและสูญพันธุ์เกลี้ยงไปทั้งหมด
