เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่นายตำรวจสารวัตรร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลของผู้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับการในกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โดยเบื้องต้นข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจเชื่อมโยงกับความขัดแย้งภายในกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หลังจากมีการร้องเรียนเมื่อปี 2561 เกี่ยวกับค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พักของตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับผู้บังคับการคนปัจจุบัน
ทั้งนี้กรณีร้องเรียนเรื่องค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจชั้นผู้น้อยสังกัดกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 เมื่อปี 2561 นั้น สรุปว่า เมื่อปี 2561 มีการร้องเรียนเรื่องค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจชั้นผู้น้อยสังกัดกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 4 โดยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร รวม 4 คน
ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปว่า ทุกปีกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนจะได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้รับงบประมาณ แบ่งเป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก
ช่วงปีงบประมาณ 2558-2560 มีการแบ่งงบประมาณค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก คือ ค่าเบี้ยเลี้ยง 29 วัน ค่าที่พัก 22 คืน อัตรา 100 บาทต่อคืน แต่ได้มีการจัดสรรใหม่เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง 28 วัน ค่าที่พัก 27 คืน คืนละ 90 บาท นโยบายดังกล่าวทำให้เกิดส่วนต่างในค่าเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 783,000 บาท โดยเงินดังกล่าวถูกเรียกว่า “เงินบริหารเชิงรวม” แบ่งให้ ผู้บังคับบัญชา เดือนละ 300,000 บาท และระดับ ผบ. เดือนละ 250,000 บาท อีกประมาณ 200,300 บาทต่อเดือนใช้จ่ายบริหารหน่วย
ต่อมาปีงบประมาณ 2561 มีการปรับเปลี่ยนค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก โดยค่าเบี้ยเลี้ยง 24 วัน ค่าที่พัก 24 คืน อัตราคืนละ 100 บาท นำมาจัดสรรใหม่ เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง 30 วัน ค่าที่พัก 30 คืน อัตราคืนละ 24 บาท ทำให้เงินส่วนต่างเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 983,000 บาทต่อเดือน เงินดังกล่าวจัดสรร “เงินบริหารเชิงรวม” โดยแบ่งให้ ผู้บังคับบัญชา 300,000 บาท และ 500,000 บาท ระดับ ผบ. เดือนละ 300,000 บาท ถ้าเงินไม่พอจะดึงเอางบการข่าวมาเสริม
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ข้อร้องเรียนกรณีนายตำรวจ 4 นายในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนนั้นมีมูล และได้สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอผู้บังคับบัญชาไปแล้ว
